เอเอฟพี - ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ กล่าวยืนยันวานนี้(15)ว่า ปฏิบัติการทางทหารในลิเบียไม่ขัดต่อกฎหมาย พร้อมปฏิเสธถ้อยคำวิจารณ์จากสภาคองเกรสเกี่ยวกับจุดประสงค์และความชอบธรรมของภารกิจดังกล่าว
ทำเนียบขาวเผยรายงานความยาว 30 หน้ากระดาษ ซึ่งมีใจความโต้แย้งว่า การที่สหรัฐฯส่งทหารร่วมปฏิบัติการกับ นาโต เพื่อต่อต้านกองกำลังของพันเอก มูอัมมาร์ กัดดาฟี ไม่จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากสภาคองเกรสก่อน เนื่องจากสหรัฐฯเป็นเพียงฝ่ายสนับสนุนเท่านั้น
ทำเนียบขาวยังระบุด้วยว่า การเข้าไปมีส่วนร่วมในภารกิจที่องค์การสหประชาชาติรับรอง ไม่ใช่การทำสงครามโดยตรง ที่จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกรัฐสภา ตามมติสงครามปี 1973 (War Powers Resolution of 1973)
“กองทัพสหรัฐฯเพียงมีบทบาทอย่างจำกัด เพื่อสนับสนุนกองกำลังนานาชาติเท่านั้น” รายงานระบุ โดยย้ำว่า การใช้กำลังทหารเป็นไปเพื่อปกป้องชีวิตพลเรือน, บังคับใช้เขตห้ามบิน และห้ามการขนส่งอาวุธเข้าไปในลิเบีย
“สหรัฐฯไม่ได้ทำสงครามในระยะยาว ไม่มีการยิงต่อสู้กับทหารกัดดาฟีอย่างรุนแรง ไม่ได้ส่งทหารลงไปปฏิบัติการภาคพื้นดิน ไม่มีการเสียชีวิตหรือการเสี่ยงภัยอันใหญ่หลวง และไม่มีโอกาสที่จะยกระดับความขัดแย้งให้รุนแรงขึ้นตามเหตุปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมา”
รายงานดังกล่าวเปิดเผยว่า สหรัฐฯใช้งบประมาณไปกับปฏิบัติการทางทหารและมนุษยธรรมในลิเบียแล้วราว 715 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1,100ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในเดือนกันยายนนี้
ทำเนียบขาวเรียบเรียงรายงานดังกล่าวขึ้นเพื่อตอบโต้ จอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งยื่นจดหมายเตือนประธานาธิบดี โอบามา เมื่อวันอาทิตย์(12)ที่ผ่านมาว่า ภารกิจของสหรัฐฯในลิเบียอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย เนื่องจากไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภาคองเกรส
มติสงครามปี 1973 กำหนดให้ประธานาธิบดีต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภาเกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหาร ภายใน 60 วัน หากไม่สามารถกระทำได้ ให้เร่งถอนทหารภายใน 30 วันหลังจากนั้น
ผู้ช่วยแกนนำพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า กำลังศึกษารายงานของทำเนียบขาว ซึ่ง “โต้แย้งได้อย่างสร้างสรรค์”
“อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการทหารสูงสุดมีหน้าที่พิจารณาว่า ปฏิบัติการทางทหารมีความจำเป็นต่อความมั่นคงของประเทศอย่างไร และสอดคล้องกับจุดประสงค์ของนโยบายรัฐหรือไม่” เบรนดัน บัค โฆษกของ โบห์เนอร์ กล่าว
“ในกรณีของลิเบีย ประธานาธิบดียังไม่สามารถตอบสนองเงื่อนไขข้อนี้”