เอเอฟพี - จำนวนเยาวชนโลกผู้ติดเชื้อเอชไอวีลดลง 12 เปอร์เซนต์ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทว่ายังคงต่ำกว่าเป้าหมายซึ่งตั้งไว้ที่ 25 เปอร์เซนต์ และยังคงมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นวันละ 2,500 คน รายงานของยูนิเซฟเปิดเผยวันนี้ (1)
“มีความคืบหน้าหรือไม่? ใช่ครับ แล้วมันเพียงพอหรือยัง? ไม่ใช่อย่างแน่นอน” เอลฮัดจ์ อัส ซี ผู้อำนวยการยูนิเซฟภูมิภาคแอฟริกาตะวันออกและแอฟริกาใต้ แถลงรายงานของยูนิเซฟ ณ กรุงโจฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้
ปัจจุบันมีเยาวชนอายุระหว่าง 15 - 24 ปีจำนวน 5 ล้านคนติดเชื้อเอชไอวี ลดลง 12 เปอร์เซนต์จากปี 2001 อย่างไรก็ตาม ยังคงมีผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 2,500 คนต่อวัน รายงานของยูนิเซฟระบุ
กลุ่มวัยรุ่นเพศหญิงเป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อมากที่สุด นับเป็นจำนวนมากกว่า 60 เปอร์เซนต์ของกลุ่มเยาวชนทั้งหมดที่ติดเชื้อเอชไอวี สัดส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 72 เปอร์เซนต์สำหรับกลุ่มเยาวชนเพศหญิงในภูมิภาคซับ-ซาฮารา แอฟริกา หรือประเทศแอฟริกาตอนใต้ของทะเลทรายซาฮารา
เอลฮัดจ์ อัส ซี กล่าวไว้ว่า การมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก การตั้งครรภ์ และการใช้ยาเสพติดเป็นปัจจัยสำคัญต่อการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวีในกลุ่มวัยรุ่น พร้อมกันนั้นเขาได้เรียกร้องให้องค์การระหว่างประเทศต่างๆ พิจารณาถึงประเด็นเพศสัมพันธ์ในกลุ่มวัยรุ่น และการใช้ยาเสพติดเป็นวาระสำคัญ
ผลการศึกษายังพบว่า วัยรุ่นส่วนใหญ่ใช้ชีวิตโดยไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อเอชไอวี เรื่องนี้ได้กลายเป็นปัญหา โดยเฉพาะหลังผลการวิจัยครั้งใหม่เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งพบว่าผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ได้รับยาต้านไวรัสสามารถลดการแพร่เชื้อได้มากถึง 96 เปอร์เซนต์
กลุ่มนักวิจัยระบุว่ารายงานชิ้นนี้เป็นครั้งแรกที่มีการศึกษาการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มเยาวชน
ทั้งนี้ องค์การระหว่างประเทศ 7 แห่ง อาทิ ยูนิเซฟ, องค์การอนามัยโลก และธนาคารโลก รวมกันเผยแพร่รายงานดังกล่าว หนึ่งสัปดาห์ก่อนการประชุมใหญ่ของยูเอ็นที่จะทบทวนความคืบหน้าการต่อสู้กับการระบาดของ เอดส์ ในรอบ 30 ปี อนึ่งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อสหรัฐฯ รายงานการค้นพบโรคเอดส์ครั้งแรกในกลุ่มชายรักร่วมเพศ ณ นครลอสแอนเจลลิส แคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 1981
