สธ.ตั้งเป้าหมายรณรงค์ ลดเอดส์ 3 ด้าน ลดการติดเชื้อ-ลดอัตราการตาย และไม่อคติ ในงานสัมมนาเอดส์ ครั้งที่ 13 เผย สามีติดเอดส์จากภรรยาถึง 10% แนะตรวจเลือดก่อนแต่งงาน
วันนี้ (22 มี.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานในการแถลงข่าวงานสัมมนาระดับชาติ เรื่อง โรคเอดส์ ครั้งที่ 13 “สิทธิด้านเอดส์ คือสิทธิมนุษยชน ร่วมพิทักษ์สิทธิ ร่วมรับผิดชอบ”ระหว่างวันที่ 29-31 มี.ค.ที่ อิมแพ็ค คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เมืองทองธานี ว่า เป้าหมายของการสัมมนาครั้งนี้ มี 3 ประเด็น ที่สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ใหม่ของโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) ซึ่ง คือ 1.การเร่งรัดการป้องกันผู้ติดเชื้อรายใหม่ (Zero new infections) โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน และกลุ่มประชากรเปราะบาง ได้แก่ พนักงานบริการหญิง ชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย ผู้ใช้ยาเสพติดชนิดฉีด ฯลฯ โดยให้ความรู้ ส่งเสริมการใช้ถุงยาอนามัย 100%
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า 2.ลดการเสียชีวิตเนื่องจากการติดเชื้อเอชไอวี (Zero AIDS-related deaths) โดยปรับเกณฑ์การเริ่มให้ยาต้านไวรัสเร็วขึ้น จากระดับภุมิคุ้มกัน (CD4) น้อยกว่า 200 เป็นน้อยกว่าหรือเท่ากับ 350 ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้ติดเชื้อเข้าถึงบริการรักษาด้วยยาต้านไวรัสได้เร็วขึ้น ทำให้ผู้ติดเชื้อมีชีวิตที่ยืนยาว และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และให้บริการตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวีฟรี ปีละ 2 ครั้ง ที่โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข สำหรับคนไทยในทุกสิทธิการรักษาพยาบาล และ 3.ไม่เลือกปฏิบัติกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี (Zero discrimination) โดยมุ่งส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพเครือข่ายผู้ติดเชื้อให้ชุมชนยอมรับ และคารพสิทธิผู้ติดเชื้อ พร้อมทั้งส่งเสริม สนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ปัญหาเอดส์และสุขภาพในชุมชน เป็นต้น
ด้านนพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า จากการคาดประมาณผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ในประเทศไทยปี 2553 มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 1,161,244 ราย เสียชีวิตแล้ว 644,128 ราย ยังมีชีวิตอยู่ 522,548 ราย และมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ปีละประมาณ 10,853 ราย เป็นชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายร้อยละ 33 รองลงมาคือ แม่บ้านที่ติดเชื้อจากสามี หรือคู่นอนประจำร้อยละ 28 กลุ่มชายที่ติดจากหญิงขายบริการและกลุ่มสามีที่ติดจากภรรยามีอัตราการติดเชื้อเท่ากันคือ 10% กลุ่มผู้ใช้ยาเสพติดชนิดฉีด 9% กลุ่มที่มีเพศสัมพันธ์ชั่วคราว 7% และกลุ่มหญิงขายบริการติดจากนักเที่ยว 4% ทั้งนี้ อยากแนะนำว่าในเมื่อทุกคนมีความเสี่ยงจะเป็นเอดส์คู่รักจึงควรตรวจเลือดก่อนแต่งงานทุกครั้ง
วันนี้ (22 มี.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานในการแถลงข่าวงานสัมมนาระดับชาติ เรื่อง โรคเอดส์ ครั้งที่ 13 “สิทธิด้านเอดส์ คือสิทธิมนุษยชน ร่วมพิทักษ์สิทธิ ร่วมรับผิดชอบ”ระหว่างวันที่ 29-31 มี.ค.ที่ อิมแพ็ค คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เมืองทองธานี ว่า เป้าหมายของการสัมมนาครั้งนี้ มี 3 ประเด็น ที่สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ใหม่ของโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) ซึ่ง คือ 1.การเร่งรัดการป้องกันผู้ติดเชื้อรายใหม่ (Zero new infections) โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน และกลุ่มประชากรเปราะบาง ได้แก่ พนักงานบริการหญิง ชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย ผู้ใช้ยาเสพติดชนิดฉีด ฯลฯ โดยให้ความรู้ ส่งเสริมการใช้ถุงยาอนามัย 100%
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า 2.ลดการเสียชีวิตเนื่องจากการติดเชื้อเอชไอวี (Zero AIDS-related deaths) โดยปรับเกณฑ์การเริ่มให้ยาต้านไวรัสเร็วขึ้น จากระดับภุมิคุ้มกัน (CD4) น้อยกว่า 200 เป็นน้อยกว่าหรือเท่ากับ 350 ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้ติดเชื้อเข้าถึงบริการรักษาด้วยยาต้านไวรัสได้เร็วขึ้น ทำให้ผู้ติดเชื้อมีชีวิตที่ยืนยาว และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และให้บริการตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวีฟรี ปีละ 2 ครั้ง ที่โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข สำหรับคนไทยในทุกสิทธิการรักษาพยาบาล และ 3.ไม่เลือกปฏิบัติกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี (Zero discrimination) โดยมุ่งส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพเครือข่ายผู้ติดเชื้อให้ชุมชนยอมรับ และคารพสิทธิผู้ติดเชื้อ พร้อมทั้งส่งเสริม สนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ปัญหาเอดส์และสุขภาพในชุมชน เป็นต้น
ด้านนพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า จากการคาดประมาณผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ในประเทศไทยปี 2553 มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 1,161,244 ราย เสียชีวิตแล้ว 644,128 ราย ยังมีชีวิตอยู่ 522,548 ราย และมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ปีละประมาณ 10,853 ราย เป็นชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายร้อยละ 33 รองลงมาคือ แม่บ้านที่ติดเชื้อจากสามี หรือคู่นอนประจำร้อยละ 28 กลุ่มชายที่ติดจากหญิงขายบริการและกลุ่มสามีที่ติดจากภรรยามีอัตราการติดเชื้อเท่ากันคือ 10% กลุ่มผู้ใช้ยาเสพติดชนิดฉีด 9% กลุ่มที่มีเพศสัมพันธ์ชั่วคราว 7% และกลุ่มหญิงขายบริการติดจากนักเที่ยว 4% ทั้งนี้ อยากแนะนำว่าในเมื่อทุกคนมีความเสี่ยงจะเป็นเอดส์คู่รักจึงควรตรวจเลือดก่อนแต่งงานทุกครั้ง