เอเอฟพี - เคิร์ต แคมป์เบลล์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ชี้ การเลือกตั้งของไทยที่กำลังใกล้เข้ามานี้ จะมีผลสำคัญต่อการสร้างความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งภายในประเทศที่ยืดเยื้อของไทย
แคมป์เบลล์เผยว่า สหรัฐฯ ต้องการมีความสัมพันธ์กับไทยมากขึ้น และคาดหวังกับการเลือกตั้งของไทยครั้งนี้อย่างยิ่ง โดยว่า “นี่เป็นช่วงเวลาที่ซับซ้อนอย่างมากในไทย”
“เราเชื่อว่าในฐานะพันธมิตรตามสัญญา นี่เป็นความสัมพันธ์ที่เราต้องการเน้นมากขึ้น และในช่วงเวลาหลายเดือนข้างหน้าน่าจะชี้ให้เห็นได้อย่างชัดเจน” แคมป์เบลล์กล่าวจากศูนย์ศึกษาด้านยุทธศาสตร์ และการระหว่างประเทศ ในกรุงวอชิงตัน
ขณะที่สหรัฐฯ ต้องการเห็นความปรองดองทางการเมืองในไทย แต่พยายามเข้ามาก้าวก่ายอย่างเงียบๆ และในปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้เรียกตัวทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงเทพฯ เข้าพบ หลังจากแคมป์เบลล์ได้พบปะพูดคุยกับแกนนำกลุ่มเสื้อแดงคนหนึ่งด้วย
ไทยถือเป็นพันธมิตรในเอเชียที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯ โดยในสมัยที่ยังเป็นราชอาณาจักรสยาม ไทยเคยส่งช้างไปเป็นของขวัญแก่ประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น ซึ่งขณะนั้นกำลังเกิดสงครามกลางเมือง
ทว่า ในขณะที่รัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามากำลังให้ความสำคัญกับชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไทยก็เผชิญกับความแตกแยกทางการเมืองอย่างรุนแรง และนองเลือด
นอกจากนี้ แคมป์เบลล์ยังแสดงความชื่นชมในความพยายามของอินโดนีเซียที่ช่วยไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาเกี่ยวกับปราสาทพระวิหาร โดยว่าอินโดนีเซียมีความสำคัญต่อสหรัฐฯ อย่างมาก แต่สหรัฐฯ กลับไม่รับรู้ถึงความสำคัญนั้น
ส่วนฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็น 1 ใน 2 ชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นพันธมิตรตามสนธิสัญญาของสหรัฐฯ แคมป์เบลล์กล่าวว่ามีการให้ความร่วมมือมากขึ้น นับตั้งแต่ประธานาธิบดีเบนิโญ อากิโนเข้ารับตำแหน่งในปีที่ผ่านมา
สำหรับ ความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ กับมาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนามนั้น ก็แนบแน่นยิ่งขึ้น แต่ชี้ว่า ความร่วมมือกับรัฐบาลฮานอยนั้นยังต้องขึ้นอยู่กับการพัฒนาเกี่ยวกับประเด็นสิทธิมนุษยชนด้วย ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ สำทับ
