เอเอฟพี - มานูเอล เซลายา อดีตประธานาธิบดีฮอนดูรัส เดินทางกลับเข้าประเทศวานนี้ (28) หลังลี้ภัยทางการเมืองเกือบ 2 ปี จากการรัฐประหารเมื่อปี 2009 ขณะเดียวกันประชาชนผู้คลั่งไคล้จำนวนหลายพันคนแห่แหนไปรอต้อนรับ
เซลายา ผู้สวมหมวกคาวบอยเป็นเอกลักษณ์ พร้อมด้วยภรรยาและคณะผู้ติดตาม เดินทางมาถึงสนามบินในกรุงเตกูซิกัลปา เมืองหลวงฮอนดูรัส ด้วยเครื่องของสายการบินเวเนซุเอลา เที่ยวบินจากกรุงมานากัว เมืองหลวงนิการากัว
เขาให้สัมภาษณ์กับ เตเลซูร์ เครือข่ายสถานีโทรทัศน์ในนิการากัว โดยยกย่องการได้กลับฮอนดูรัสอีกครั้ง ว่า เป็นผลจากความพยายามของทุกประเทศละตินอเมริกา
“วันนี้เราได้เริ่มการปรองดองอย่างแท้จริงในฮอนดูรัส” ซิโอมารา คาสโตร ภรรยาของมานูเอล เซลายา กล่าว พร้อมทั้งสำทับว่า ยังคงมีพันธกิจในการเดินหน้าผลักดันการเปลี่ยนแปลงฮอนดูรัสต่อไป
การลี้ภัยนาน 16 เดือนของ มานูเอล เซลายา อดีตเจ้าของฟาร์มปศุสัตว์ สิ้นสุดลงตามข้อตกลงที่รัฐบาลนานาชาติละตินอเมริกาช่วยเป็นคนกลาง ต่อรองกับทางการฮอนดูรัส แลกเปลี่ยนกับการยุติการโดดเดี่ยวฮอนดูรัส รวมทั้งการยินยอมให้รัฐบาลของประธานาธิบดี ปอร์ฟิริโอ โลโบ ผู้นำฮอนดูรัสคนปัจจุบัน สามารถเปิดรับการลงทุนและงบประมาณช่วยเหลือจากต่างชาติได้อีกครั้ง
ทั้งนี้ มีผู้สนับสนุนหลายพันคนเฝ้ารอต้อนรับเซลายา โดยประชาชนจำนวนหนึ่งเป็นลมหมดสติ เนื่องจากอากาศร้อน และเครื่องบินล่าช้าไปกว่า 3 ชั่วโมง ทว่า ทันทีที่เซลายามาถึง ผู้เฝ้ารอต่างโห่ร้องดีใจต้อนรับอดีตผู้นำวัย 58 ปีกลับสู่ประเทศ
การกลับเข้าประเทศของเซลายาช่วยให้ฮอนดูรัสได้กลับเข้าร่วมองค์การกลุ่มรัฐอเมริกัน (โอเอเอส) และเข้าถึงเงินช่วยเหลือจากนานาชาติ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของฮอนดูรัส ประเทศที่ประชากรเกือบ 70 เปอร์เซนต์มีรายได้เฉลี่ยเพียง 4 ดอลลาร์ (ประมาณ 120 บาท) หรือ น้อยกว่าต่อวัน อนึ่งฮอนดูรัสมีประชากรประมาณ 8 ล้านคน
ข้อตกลงดังกล่าวรวมถึงเงื่อนไขว่า คดีต่างๆ ของเซลายาจะต้องได้รับการนิรโทษกรรม
อดีตประธานาธิบดี เซลายา เดินทางถึงกรุงมานากัว เมืองหลวงของนิการากัว เมื่อวันศุกร์ (27) เพื่อขึ้นเครื่องบิน หลังจากใช้ชีวิตอยู่ในสาธารณรัฐโดมินิกันระหว่างการลี้ภัยทางการเมืองเกือบ 2 ปี