เอเอฟพี - ไมเคิล เฮย์เดน อดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือซีไอเอ กล่าวยกย่อง มูอัมมาร์ กัดดาฟี สำหรับการให้ความร่วมมือในอดีตที่ผ่านมา โดยว่าความตกต่ำของผู้นำลิเบียอาจทำให้ผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ประสบความยุ่งยากในระยะสั้นๆ
นายพลเกษียณอายุ ไมเคิล เฮย์เดน ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการซีไอเอ ตั้งแต่ปี 2006-2009 ในสมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช กล่าวว่า ซีเรียก็เคยให้ความช่วยเหลือแก่หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ แต่เฉพาะในบางพื้นที่เท่านั้น
เฮย์เดนกล่าวในการประชุมที่มหาวิทยาลัยทหารเรือในวันอังคาร (26) ว่า ซีไอเอทำงานร่วมกันเป็นอย่างดีกับกัดดาฟี และรัฐมนตรีต่างประเทศ มุสซา คุสซา ซึ่งแปรพักตร์หลังกองกำลังของรัฐบาลลิเบียเคลื่อนพลโจมตีกลุ่มกบฏในเดือนที่ผ่านมา
“ไม่ว่าพวกคุณจะคิดกับกัดดาฟี และมุสซา คุสซา อย่างไรก็ตาม แต่พวกเขาก็เป็นคนดี และพวกเขาก็เป็นพันธมิตรในการต่อต้านการก่อการร้ายที่ดีด้วย” เฮย์เดนกล่าวในที่ประชุม
เฮย์เดนยังกล่าวว่า ประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอัสซัด ของซีเรียค่อนข้างเก่งในเรื่องการต่อสู้กับกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงนิกายสุหนี่ แต่กลับสนับสนุนพวกนิกายชีอะห์ โดยเขาเป็นคนของนิกายอะลาวิท ซึ่งเป็นสาขาแยกย่อยจากชีอะห์ และถูกพวกสุหนี่หัวรุนแรงอื่น เช่น อัลกออิดะห์ เหยียดหยามเสมอ
อย่างไรก็ตาม เฮย์เดนชี้ว่า เหตุความไม่สงบหลายระลอกที่แผ่ไปทั่วโลกอาหรับอาจเป็นผลดีต่อสหรัฐฯ ในระยะยาว จากการเปลี่ยนแปลงอำนาจการปกครองในภูมิภาค
กัดดาฟี เป็นบุคคลที่ประชาคมโลกต่างรังเกียจมานาน เนื่องจากการระเบิดล็อกเคอร์บี ในปี 1988 และการโจมตีอีกหลายครั้ง ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของสายลับลิเบีย เขาได้เริ่มปรองดองกับสหรัฐฯ ในปี 2003 และมีผลประโยชน์ร่วมกันในการต่อสู้กับเครือข่ายอัลกออิดะห์
ขณะที่ชาติมหาอำนาจตะวันตกซึ่งนำโดยฝรั่งเศส และอังกฤษ เปิดฉากโจมตีกองกำลังผู้จงรักภักดีต่อกัดดาฟีทางอากาศในเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากเกรงว่าพลเรือนชาวลิเบียจะเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ในขณะที่กองทัพรัฐบาลปราบปรามกลุ่มกบฏ