เดลิเมล์ - สื่อต่างประเทศเผยผู้หญิงชาวอังกฤษวัย 30 ปี เสียชีวิตในอุบัติเหตุอันน่าสลด หลังลื่นและถูกกระแสน้ำซัดจนพลัดตกจากด้านบนของน้ำตกโตนงาช้าง ในจังหวัดสงขลา ดิ่งลงมาสู่เบื้องล่างกว่า 300 ฟุต (ราว 90 เมตร)
เดลิเมล์ สื่อของอังกฤษรายงานว่า เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (15) นางสาวซาราห์ เคิร์ทช์เลย์ ผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นครู เกิดเสียหลักขณะเดินผ่านก้อนหินที่จมอยู่ใต้น้ำและร่วงลงไปใกล้กับขอบน้ำตก ทั้งนี้ แม้ว่าเธอจะสามารถเกาะก้อนกินขนาดใหญ่ได้นานหลายวินาที ทว่าไม่นานเธอก็มิอาจทนทานความรุนแรงของกระแสน้ำได้
ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่นาที เคิร์ทช์เลย์ หญิงสาวจากเมืองเบอร์นเมาธ์ ทางตอนใต้ของอังกฤษ เพิ่งบอกกับเพื่อนคนหนึ่งว่าเธอได้ตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทย โดยตอนนี้อยู่ระหว่างเข้าคอร์สอบรมเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ หลังเพิ่งเดินทางมาเยือนประเทศแห่งนี้ได้เพียงแค่ 3 สัปดาห์เท่านั้น
คริส เพนนี ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่าเขาพยายามเข้าไปให้ถึงตัวของเคิร์ทช์เลย์ ขณะที่เธอกำลังตะเกียกตะกายเกาะก้อนหิน แต่สุดท้ายก็มิอาจช่วยชีวิตเธอได้ทัน “ซาราห์ถูกน้ำซัดจนเสียหลัก เธอคว้าก้อนหินก้อนใหญ่เอาไว้ได้และเกาะมันไว้ราว 2 ถึง 3 วินาที ผมพยายามเข้าไปช่วยเธอ แต่ผมก็ดันลื่นและร่วงลงไปเช่นกัน โชคดีที่คว้าหินอีกก้อนไว้ได้ ตอนนั้นแม้เธออยู่ห่างจากขอบน้ำตกเพียง 1 หรือ 2 ฟุต แต่กระนั้นเธอก็ไม่ยอมพูดอะไร”
“ผมตะโกนขอความช่วยเหลือ ทว่าจากนั้นกระแสน้ำก็แรงเกินกว่าที่เธอจะรับมือไหวและสุดท้ายเธอก็ต้องปล่อยมือ เธอไถลลงไปตามแนวหินราว 10 เมตร ก่อนร่วงจากขอบน้ำตก ซึ่งสูงราว 100 เมตร”
รายงานข่าวระบุว่า นางสาวซาราห์ เคิร์ทช์เลย์ อยู่ระหว่างเข้าคอร์สอบรมเป็นครูสอนภาษา ณ โรงเรียนสอนภาษาธิชา ในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยเธอผ่านการอบรมไปแล้วครึ่งทางจากทั้งหมด 4 สัปดาห์ และหลังจากผ่านการฝึกอบรมแล้ว เธอวางแผนไว้ว่าจะใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยเพื่อสอนภาษาอังกฤษแก่ชาวบ้านท้องถิ่น
ทั้งนี้ ก่อนที่เธอจะเดินทางมายังเมืองไทย ซาราห์เขียนบันทึกลงในหน้าเว็บไซต์สังคมออนไลน์ถึงความรู้สึกของเธอว่า “ฉันตื่นเต้นมากสำหรับโอกาสที่จะได้มาสอนภาษาในเมืองไทย ฉันคิดว่ามันคงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ฉันเคยทำมาเลย”
