เอเอฟพี - รายงานด้านจิตเวชของวารสารออสเตรเลียน ไซคีอาทรีเผย หนุ่มนิวซีแลนด์ ผู้เป็นโรคซึมเศร้ารายหนึ่ง ตัดนิ้วตัวเองผัดกับผักกินเป็นอาหาร โดยถือเป็นกรณีที่คนกินเนื้อตัวเองซึ่งพบได้ไม่บ่อยนัก
เอริค โมนาสเตอริโอ นักนิติจิตเวช และเครก ปรินซ์ นักจิตวิทยาคลีนิก ผู้เขียนรายงานดังกล่าวยืนยันว่า หนุ่มกีวี่ วัย 28 ปีรายนี้ไม่ได้ใช้ยาเสพติด หรือเมาสุราแต่อย่างใดในขณะก่อเหตุสยอง ซึ่งถือเป็นเพียงกรณีคนกินเนื้อตัวเอง 1 ใน 8 รายของโลก ที่มีการบันทึกไว้
โมนาสเตอริโอ และปรินซ์เผยว่า หลังจากชายคนดังกล่าวกินนิ้วตัวเองไปแล้ว 1 นิ้ว เขาก็ยังคิดจะกินอีก 2 นิ้ว แต่ตัดสินใจเข้ารับการรักษาเสียก่อน ซึ่งหมอได้วินิจฉัยว่าเขามีอาการซึมเศร้าระดับปานกลาง เนื่องจากประสบเหตุการณ์หลายอย่างที่ส่งผลต่อารมณ์ โดยครั้งหนึ่ง เขาเคยถูกชาย 2 คนทำร้ายด้วย
ผู้เขียนรายงานทั้งสอง ซึ่งประจำอยู่ที่โรงพยาบาลฮิลมอร์ตัน เมืองไครสต์เชิร์ช กล่าวว่า หนุ่มคนนี้รู้สึกโกรธมากๆ และตอนแรกเขาไม่ได้จินตนาการแค่เพียงว่าจะฆ่าผู้ที่ทำร้ายเขาทั้งสองคนเท่านั้น แต่ยังคิดจะกินพวกเขาด้วย
ในช่วงปลายปี 2008 หลังประสบวิกฤตส่วนตัว และไม่ได้รับการรักษาอย่างเต็มที่ เขาก็เริ่มที่จะมีอาการซึมเศร้าเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนอนไม่หลับอย่างรุนแรง คิดฆ่าตัวตาย และเริ่มใคร่ครวญถึงการตัดนิ้วตัวเองอยู่นานหลายวัน และเพื่อที่จะปลดปล่อยตัวเองจากความคิดเหล่านั้น เขาจึงใช้เชือกรองเท้าผูกนิ้วก้อยไว้ห้ามเลือด แล้วจึงตัดนิ้วตัวเองด้วยเลื่อยเล็ก
"จากนั้น เขาจึงเอานิ้วลงไปผัดในกะทะพร้อมกับผักต่างๆ แล้วก็กินมัน เขายังวางแผนจะตัดอีก 2 นิ้วในวันต่อมาด้วย " โมนาสเตอริโอ และปรินซ์กล่าว โดยว่า ชายคนนี้เคยเล่าให้เจ้าหน้าที่คนอื่นฟังถึงอาการป่วยทางจิตของเขา ที่มักมีความคิดรุนแรง และพยายามที่จะกินอวัยวะของตัวเองด้วย
นักจิตวิทยาทั้ง 2 คนนี้ชี้ว่า เป็นไปได้ที่การกระทำของเขานั้นทำไปเพื่อเรียกร้องความสนใจจากแพทย์ เพื่อให้เอาใจใส่ ให้การรักษาเขาอย่างจริงจัง รวมถึงเข้าใจในตัวเขาอย่างที่เขาต้องการ