เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความปลอดภัยของสหรัฐฯระบุวานนี้(3)ว่า พบรอยแตกลามบนลำตัวเครื่องบินของสายการบิน เซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ส ที่เกิดรูโหว่กลางอากาศ จนต้องร่อนลงจอดฉุกเฉินเมื่อวันเสาร์(2)ที่ผ่านมา
เซาท์เวสต์ แอร์ไลนส สั่งระงับเที่ยวบินอีก 300 เที่ยววันนี้(3) เพื่อตรวจสอบสภาพฝูงบิน โบอิง 737-300 จำนวน 79 ลำ ซึ่งมีอายุการใช้งานยาวนานจนอาจเกิดอาการ “พื้นผิวลำตัวเสื่อมสภาพ” (skin fatigue)
เมื่อวันศุกร์(1)ที่ผ่านมา สายการบิน เซาท์เวสต์ เที่ยวบิน 812 พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 123 คน ออกเดินทางจากเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา เพื่อไปยังเมืองซาแครเม็นโต รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยขณะทำการบินอยู่นั้น ชิ้นส่วนหลังคาได้แตกออกเป็นช่องโหว่และเกิดเสียงดังสนั่น จากนั้นความดันภายในห้องโดยสารลดลงอย่างรวดเร็ว จนผู้โดยสารต้องคว้าหน้ากากออกซิเจนมาสวมและส่งข้อความถึงบุคคลที่รักกันอย่างจ้าละหวั่น
เครื่องบินลำดังกล่าวร่อนลงจอดอย่างปลอดภัยที่ฐานทัพอากาศแอริโซนา โดยพบรอยรั่วบริเวณหลังคากว้างถึง 1.5 เมตร ซึ่งสำนักงานความปลอดภัยระบบขนส่งสหรัฐฯ(เอ็นทีเอสบี)ได้เข้าไปตรวจสอบสาเหตุของความเสียหายแล้ว
“เราตรวจพบรอยแตกลามเป็นวงกว้างรอบๆจุดที่เกิดรอยรั่ว ซึ่งเป็นรอยที่เกิดอยู่ก่อนแล้ว” โรเบิร์ต ซันวอลต์ เจ้าหน้าที่เอ็นทีเอสบี ให้สัมภาษณ์ พร้อมอธิบายถึงรอยต่อตามความยาวของตัวเครื่องบินซึ่งทำจากอะลูมิเนียมอัลลอยด์
ซันวอลต์ ระบุว่า เจ้าหน้าที่สอบสวนจะตัดชิ้นส่วนที่เสียหายส่งไปยังกรุงวอชิงตัน เพื่อตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง
ส่วนที่มีรายงานว่า พบรอยแตกบนลำตัวเครื่องบินซึ่งซ่อมแซมเสร็จตั้งแต่ปีที่แล้ว ซันวอลต์ ระบุว่า ต้องไปอ่านบันทึกการซ่อมบำรุงเสียก่อน แต่ความเสียหายลักษณะนี้น่าจะตรวจพบตั้งแต่มีการตรวจสภาพเครื่องครั้งใหญ่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
เซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ส มีฝูงบินโบอิง 737อยู่ทั้งหมด 548 ลำ โดยรุ่นเก่าที่สุดได้แก่ 737-300 จำนวน 170 ลำ ซึ่งผลิตระหว่างปี 1984-1999
ลินดา รูเทอร์ฟอร์ด โฆษกสายการบิน ระบุว่า เซาท์เวสต์ ได้ทำการเปลี่ยนผนังลำตัวเครื่องบิน 737-300 แล้วหลายลำ แต่ลำที่ประสบอุบัติเหตุเมื่อวันเสาร์(2)ยังไม่ได้รับการซ่อมแซม สำนักข่าว ฟ็อกซ์ นิวส์ เผย