กบฏ “ลิเบีย” ยึดเมืองสำคัญกลับคืน กัดดาฟีถอยร่นหลัง ต.ต.ถล่มหนัก

เอเอฟพี/เอเจนซี - กบฏลิเบียที่กำลังฮึกเหิมได้ใจรุดหน้ายึดเมืองสำคัญเพิ่มเติมได้วันนี้ (27) ภายหลังโจมตีกองกำลังของผู้นำ มูอัมมาร์ กัดดาฟี จนถอยร่นออกจากเมืองยุทธศาสตร์สองแห่งก่อนหน้านี้ในวันเสาร์ ขณะที่แนวร่วมชาติตะวันตกยังคงเดินหน้าจู่โจมฐานที่มั่น แนวป้องกันทางอากาศ รวมทั้งรถถังและยานเกราะของกองทัพกัดดาฟีต่อไป ในปฏิบัติการบังคับเขตห้ามบินเหนือน่านฟ้าลิเบีย ซึ่งดำเนินสู่สัปดาห์ที่สอง

ผู้สื่อข่าวภาคสนามของเอเอฟพี รายงานวันนี้ ว่า นักรบฝ่ายกบฏซึ่งได้แรงฮึกเหิมเพิ่มขึ้นจากการที่ฝ่ายตนยึดครองเมืองสำคัญ 2 แห่งได้ก่อนหน้านี้ หลังชาติตะวันตกกรุยทางสะดวกให้ด้วยการโจมตีทางอากาศนั้น สามารถขับไล่กองกำลังผู้ภักดีต่อกัดดาฟีออกจากเมืองราส ลานูฟ ได้เพิ่มอีกแห่ง เมืองดังกล่าวซึ่งอุดมไปด้วยทรัพยากรน้ำมันตั้งอยู่ห่างจากเบงกาซี 370 กิโลเมตร และห่างจากเมืองอัจดาบิยะห์ 210 กิโลเมตร นอกจากนี้ ฝ่ายกบฏยังเตรียมจะบุกเมืองอัล-บีเชียร์ เป็นเป้าหมายต่อไปด้วย เมืองดังกล่าวตั้งอยู่ทางตะวันตกของบรีกา เพียง 30 กิโลเมตร

จากนั้นไม่นาน ก็มีรายงานข่าวมาอีกว่า ฝ่ายโค่นล้มระบอบสามารถยึดครองเมืองบิน จาวัด เมืองเล็กๆ ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของ ราส ลานูฟ เพียง 50 กิโลเมตร โดยฝ่ายกบฏเล่าว่า พวกเขาฉกฉวยโอกาสจากการที่เครื่องบินรบฝรั่งเศสบอมบ์ใส่เป้าหมายรถถังของกัดดาฟีหลายคันในเมืองแห่งนี้เมื่อเวลา 09.00 น.วานนี้ ตามเวลาท้องถิ่น (14.00 น.เวลาเมืองไทย)

ก่อนหน้านี้ ในวันเสาร์ (26) ฝ่ายกบฏลิเบีย สามารถขับไล่กองกำลังสวามิภักดิ์กัดดาฟีจนถอยร่นออกจากเมืองอัจดาบิยะห์ และบรีกา สองเมืองสำคัญทางยุทธศาสตร์ โดยอัจดาบิยะห์ เมืองซึ่งเป็นจุดพาดผ่านของถนนสายหลักตัดเข้าสู่เบงกาซี ถือเป็นเมืองแห่งแรกที่ฝ่ายกบฏสามารถยึดครองได้สำเร็จ หลังจากกองกำลังแนวร่วมตะวันตกโจมตีทางอากาศใส่ฐานที่มั่นและแนวป้องกันของกัดดาฟีมาเป็นเวลานานกว่าหนึ่งสัปดาห์

โฆษกของฝ่ายกบฏ ชามซิดดิน อับดุลโมละห์ แถลงมาจากเบงกาซี ซึ่งเป็นฐานที่มั่นและบัญชาการของพวกฝ่ายค้าน ระบุว่า กบฏนักรบสามารถยึดครองเมืองอัจดาบิยะห์ได้ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ โดยผู้สื่อข่าวภาคสนามเอเอฟพี รายงานว่า ที่เมืองดังกล่าวพบเศษซากของรถถัง และยานพาหนะทหารฝ่ายกัดดาฟีกระจัดกระจายเกลื่อนกลาด ขณะที่มัสยิดหลังหนึ่งและบ้านหลายหลังอยู่ในสภาพเต็มไปด้วยรูโหว่จากกระสุนและสะเก็ดระเบิด นอกจากนี้ ยังมีซากปรักหักพังของอาคารหลายหลังที่ถูกโจมตีด้วยรถถังระเนระนาดใกล้กับจุดทางเข้าเมืองด้านตะวันออก หลังพวกกบฏแห่เข้ามายึดเมืองได้สำเร็จ พวกเขาก็เฉลิมฉลองชัยชนะด้วยการไชโยโห่ร้อง ขณะที่บางคนขึ้นไปเต้นบนรถถังพร้อมกับโบกธงพลิ้วไสว โดยที่บางคนยิงปืนขึ้นฟ้าและร้องตะโกนว่า “พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่า”

ที่นอกเมืองอัจดาบิยะห์ แพทย์รายหนึ่งบอกกับเอเอฟพี ว่า พวกเขาได้เก็บศพของทหารกัดดาฟีทั้งสิ้น 21 ร่างแล้ว

ก่อนหน้านี้ โฆษกอีกคนหนึ่งของฝ่ายกบฏ พันเอก อาห์เหม็ด โอมาร์ บานี ระบุจากในเมืองเบงกาซี ว่า กองกำลังของกัดดาฟีที่อัจดาบิยะห์ได้ปฏิเสธข้อเสนอยอมจำนนของฝ่ายค้าน จากนั้นนักรบกบฏจึงทำการโจมตี ทั้งนี้ ทหารผู้ภักดีระบอบกัดดาฟี พยายามจะบุกรุดเข้าเบงกาซีจากฐานที่มั่นในอัจดาบิยะห์หลายต่อหลายครั้ง ทว่า ทหารเหล่านี้จำต้องถอยร่นออกจากเส้นทางสายหลักตัดเข้าสู่เบงกาซีนี้ หลังถูกเครื่องบินรบฝ่ายตะวันตกบอมบ์โจมตีระลอกแรก

ที่เมืองบรีกา นักรบกบฏรายหนึ่งบอกกับเอเอฟพี ว่า ฝ่ายค้านสามารถยึดครองเมืองแห่งนี้ได้แล้วเช่นกัน “พวกเราอยู่ในเมืองบรีกาแล้ว” อับเดลซาลาม อัล-มาดานี ยืนยันกับเอเอฟพีในสาย “กองทัพกัดดาฟีกำลังล่าถอยและตอนนี้พวกมันก็น่าจะอยู่ที่เมืองอัล-บีเชียร์แล้ว”

ขณะที่โฆษกฝ่ายกบฏ ชามซิดดิน อับดุลโมละห์ ก็แถลงว่า “บัดนี้บรีกาทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ อยู่ในมือของกองกำลังปลดแอกแล้วเช่นกัน” บรีกา เป็นเมืองท่าส่งออกน้ำมันแห่งสำคัญของประเทศ

ส่วนสถานการณ์ด้านตะวันตกของลิเบีย กองทัพฝรั่งเศส แถลงบนเว็บไซต์ว่า เครื่องบินขับไล่ของตนนำโดยราฟาล และ มิราจ ได้ยิงขีปนาวุธทำลายเครื่องบินของกองทัพลิเบียจำนวน 5 ลำ และเฮลิคอปเตอร์อีก 2 ลำ ในฐานทัพอากาศแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่นอกเมืองมิสราตา และในเมืองซินตัน เมื่อวันเสาร์ (26) โดยก่อนหน้านี้ ฝ่ายกบฏ บอกว่า ทหารโปรกัดดาฟีได้โจมตีเมืองมิสราตาอย่างหนักหน่วงด้วยขบวนรถถัง, ปืนครก และปืนใหญ่อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งหยุดยิงชั่วคราวเมื่อตอนที่เครื่องบินรบของกองกำลังแนวร่วมชาติตะวันตกบินโฉบอยู่เหนือศีรษะ

แพทย์รายหนึ่งระบุว่า พลเรือนในมิสราตา จำนวนอย่างน้อย 3 คน ถูกสังหารไปเมื่อวันเสาร์ ซึ่งก็ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากการโจมตีของกองกำลังกัดดาฟีในเมืองใหญ่อันดับ 3 ของลิเบียนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 117 รายแล้ว และมีอีกมากกว่า 1,300 คนที่ได้รับบาดเจ็บ

ด้านการโจมตีทางอากาศของกองกำลังแนวร่วมชาติตะวันตกเพื่อบังคับเขตโนฟลายโซนในลิเบียตามมติที่ 1973 ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาตินั้น กระทรวงกลาโหมของอังกฤษ แถลงว่า เครื่องบินรบของตนได้บอมบ์ทำลายยานเกราะของทหารนักรบกัดดาฟีจำนวน 5 คัน ในเมืองอัจดาบิยะห์และมิสราตา เมื่อวันศุกร์ (25) ส่วนเพนตากอน ก็ระบุว่า เฉพาะวันเสาร์วันเดียว เครื่องบินรบของฝ่ายแนวร่วมตะวันตกได้ออกปฏิบัติการในภารกิจต่างๆ ทั้งสิ้น 160 เที่ยว มากกว่าวันศุกร์ (25) ซึ่งบินปฏิบัติภารกิจไป-กลับรวม 153 เที่ยว

ทางด้านโฆษกรัฐบาลลิเบีย มูสซา อิบรอฮิม กล่าวในการแถลงข่าวที่กรุงตริโปลีเมื่อค่ำวันเสาร์ (26) ตอกย้ำว่า กัดดาฟียังคงบัญชาการกองทัพของเขาอยู่ ทว่าตัวโฆษกอิบรอฮิม ไม่ได้เปิดเผยว่าเวลานี้กัดดาฟีกบดานอยู่แห่งหนใดโดยพยายามที่จะเก็บที่อยู่ของกัดดาฟีเป็นความลับ

“เขากำลังนำทัพสู้ศึก เขากำลังนำพาประเทศมุ่งไปข้างหน้าจากที่ไหนก็ได้ของประเทศ” อิบรอฮิม กล่าว

“เขามีห้องทำงานหลายแห่ง มีสถานที่มากมายทั่วลิเบีย ผมขอรับรองว่า เขายังคงเป็นผู้นำของประเทศในช่วงเวลาสำคัญยิ่งนี้ และเขาก็ยังติดต่อกับทุกคนทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง”

นอกจากนี้ โฆษกรัฐบาลลิเบีย ยังประณามพร้อมกับระบุด้วยว่า การโจมตีทางอากาศหลายระลอกของพวกตะวันตกได้คร่าชีวิตทหารและพลเรือนลิเบียจำนวนมากตลอดทางระหว่างเมืองอัจดาบิยะห์และซีระเตะห์

“ค่ำคืนนี้ การโจมตีทางอากาศยังคงดำเนินต่อไปอย่างเต็มกำลัง” อิบรอฮิม กล่าว

“พวกเราสูญเสียชีวิตผู้คนไปมากมาย ทั้งทหารและพลเรือน” เขากล่าวเสริม พร้อมกับเรียกร้องให้ฝ่ายตะวันตกหยุดยิงและขอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเปิดการประชุมโดยเร่งด่วน

ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่รัฐบาลลิเบีย อ้างว่า การโจมตีของแนวร่วมชาติตะวันตกได้คร่าชีวิตพลเรือนไปแล้วเกือบ 100 ราย

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีกลาโหม รอเบิร์ต เกตส์ ของสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ในรายการ “เฟส เดอะ เนชั่น วิต บ็อบ ชิฟเฟอร์” ของซีบีเอสนิวส์ ซึ่งแพร่ภาพออกอากาศวันนี้ (27) ระบุว่า กองกำลังของกัดดาฟีได้หลอกนำศพของพลเรือนที่พวกเขาสังหารไปวางเรียงไว้ในเขตพื้นที่ที่ถูกฝ่ายตะวันตกจู่โจม เพื่อตบตาว่า ศพพลเรือนเหล่านั้นเป็นเหยื่อของการโจมตีทางอากาศ

“เราได้รับข้อมูลข่าวกรองมามากมายเกี่ยวกับการที่กัดดาฟีนำศพของผู้คนที่เขาฆ่าตายไปวางทิ้งไว้ในเขตที่เราโจมตี” เกตส์ กล่าว