เอเอฟพี - หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลก ชี้ จีนสามารถแซงหน้าสหรัฐฯ ก้าวขึ้นเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกได้ หากยังรักษาอัตราการเติบโต 8% ต่อปีให้คงที่ไปในอีก 20 ปีข้างหน้า
จีน ซึ่งเพิ่งเบียดญี่ปุ่นขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลกในปีที่ผ่านมา ได้กำหนดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ที่ 8% ในปีนี้ และยังตั้งเป้าไว้ 7% ต่อปี ตั้งแต่ปี 2011-2015
จัสติน ลิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเวิลด์แบงก์ กล่าวในการประชุมเกี่ยวกับการพัฒนาของจีน ณ ฮ่องกง ว่า จีนอาจกลายเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกภายในปี 2030 และอาจมีขนาดใหญ่กว่าสหรัฐฯ ถึง 2 เท่า เมื่อวัดโดยความเท่าเทียมกันของอำนาจซื้อ
เขาระบุว่า จีนเป็นประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา และมีอัตราการโตในแต่ละปีอย่างน่าทึ่งถึง 10.4% ระหว่างปี 1999-2010 ซึ่งแตกต่างกับความสามารถทางเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ ที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์รายนี้ เตือนว่า การขยายตัวอาจถูกขัดขวางโดยการฟื้นตัวจากวิกฤตการเงินของโลกที่เป็นไปอย่างเชื่องช้า โดยเร่งเร้าให้จีนจัดการแก้ปัญหาภายในประเทศต่างๆ เช่น ความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ที่มีช่องว่างมากขึ้น
เขายังชี้ว่า ภาวะโลกร้อนอาจเป็นปัญหาที่แท้จริงต่อความยั่งยืนของจีนในระยะยาว แต่ก็กระตุ้นให้จีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตมลภาวะรายใหญ่ของโลก ให้ฉวยโอกาสนี้ และเปลี่ยนแปลงประเทศให้กลายเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีสีเขียวแทน
ทั้งนี้ เศรษฐกิจของจีนโตขึ้น 10.3% ในปี 2010 ถือเป็นก้าวกระโดดที่ไกลที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกมา แต่รัฐบาลปักกิ่งกลับพยายามชะลอการเติบโตลง และยับยั้งสภาพคล่อง ที่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ และดึงราคาอสังหาริมทรัพย์ให้สูงขึ้น