เอเอฟพี - กัมมันตภาพรังสีที่แพร่ออกจากโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะมีระดับสูงขึ้นจนอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หลังเกิดการระเบิดบริเวณอาคารเตาปฏิกรณ์หมายเลข 2 และเพลิงไหม้ที่เตาปฏิกรณ์หมายเลข 4 วันนี้ (15)
นายกรัฐมนตรี นาโอโตะ คัง ระบุว่า ปริมาณกัมมันตรังสีรอบๆโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะบนชายฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้านโฆษกรัฐบาลยืนยันว่ากัมมันตรังสีอยู่ในระดับสูงมากจนอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ และสามารถตรวจจับได้ไกลถึงกรุงโตเกียว ซึ่งอยู่ห่างออกไป 250 กิโลเมตร
เจ้าหน้าที่ได้อพยพประชาชนนับหมื่นคนออกจากรัศมี 20 กิโลเมตรรอบโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ส่วนนายกรัฐมนตรีขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในรัศมี 10 กิโลเมตรนอกเขตอพยพ อยู่แต่ภายในบ้าน
เช้าวันนี้ (15) มีเสียงระเบิดบริเวณอาคารเตาปฏิกรณ์หมายเลข 2 ติดตามมาด้วยการระเบิดและเพลิงไหม้ที่อาคารเตาปฏิกรณ์หมายเลข 4 ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว
เอดาโนะอธิบายว่า แม้เตาปฏิกรณ์หมายเลข 4 จะปิดปรับปรุงขณะเกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันศุกร์(11) “แต่เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่หลงเหลืออยู่เกิดความร้อนขึ้น ทำให้เกิดก๊าซไฮโดรเจนซึ่งนำไปสู่การระเบิด”
เอดาโนะยอมรับว่า มีสารกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลออกมาพร้อมกับก๊าซไฮโดรเจน
“โปรดเข้าใจว่าสิ่งที่เผาไหม้อยู่นั้นไม่ใช่เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ เราจะพยายามควบคุมเพลิงให้ได้เร็วที่สุด”
เอดาโนะกล่าวว่า กัมมันตภาพรังสีอาจแพร่กระจายไปไกล 20-30 กิโลเมตร จากนั้นจะเริ่มจางลงเรื่อยๆ
ในเบื้องต้นผู้บริหารโรงไฟฟ้ารายงานต่อสำนักงานความปลอดภัยด้านนิวเคลียร์ว่า เตาปฏิกรณ์หมายเลข 2 ไม่ได้รับความเสียหายหรือรั่วไหลแต่อย่างใด แต่ภายหลังกลับให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี ว่า อยู่ระหว่างตรวจสอบ
วิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทำให้ประชาชนในพื้นที่ซึ่งกำลังดิ้นรนต่อสู้กับความเสียหายจากแผ่นดินไหวและสึนามิ ยิ่งวิตกกังวลมากขึ้นไปอีก
มาโกะ ซาโตะ พนักงานเสิร์ฟในร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่อยู่นอกเขตอพยพ เล่าว่า “มีคนออกมาเดินถนนกันน้อยมาก พวกเขาจะเก็บตัวอยู่ในบ้าน หรือไม่ก็ไปอยู่ศูนย์ผู้อพยพ”
“เมื่อสภาพการณ์รอบๆโรงไฟฟ้ายังไม่แน่นอน ฉันก็กังวลมาก ข้าวปลาอาหารก็เริ่มลดลง ลูกค้าก็พูดถึงแต่เรื่องแผ่นดินไหวว่าน่ากลัวเพียงใด เพราะยังมีอาฟเตอร์ช็อกอยู่เรื่อยๆ”
เจ้าหน้าที่ตำรวจแถลงว่า ยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการจากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิอยู่ที่ 2,414 คนในวันนี้ (15)