เอเอฟพี - ตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วงลงอย่างไม่สามารถควบคุมได้กว่า 1,000 จุด ในวันนี้ (15) หลังนายกรัฐมนตรี นาโอโตะ คัง ประกาศเตือนว่าระดับกัมมันตรังสี ที่รั่วไหลจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะนั้นมีระดับสูงจนเป็นอันตรายต่อมนุษย์
นักลงทุนซึ่งตื่นตระหนกกับสถานการณ์ฉุกเฉินทางด้านนิวเคลียร์ที่เลวร้ายลงในญี่ปุ่น ต่างเทขายหุ้นจนทำให้ดัชนีนิกเกอิตกลงไปมากถึง 14% ก่อนที่จะไต่ขึ้นมาเล็กน้อย โดยเมื่อปิดตลาด หุ้นดิ่งลงไป 10.55% หรือ 1,015.34 จุด มาอยู่ที่ 8,605.15 จุด
บริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ เช่น โตโยต้า และโซนี่ ก็ได้รับผลกระทบจากการสั่งขายหุ้นอีกครั้งในวันนี้ เนื่องจากการระงับการผลิตทั่วประเทศ ขณะที่บริษัท เท็ปโก ผู้ประกอบการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ต้องสูญเสียมหาศาลอีก หลังจากในวันจันทร์ (14) หุ้นร่วงลงไปถึง 24%
“มันเป็นการขายด้วยความตื่นตระหนก ไม่ใช่แค่เพียงนักลงทุนต่างชาติ แต่ทุกๆ คนล้วนต้องการเทขายหุ้นทิ้ง” โยซูเกะ ชิมิซุ ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทหลักทรัพย์เรเทลา เครียกล่าวถึงการที่หุ้นร่วงลง 14%
ด้าน มาซาโยชิ ยาโน นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของบริษัทหลักทรัพย์เมวะ กล่าวว่า “ไม่มีความรู้สึกสงบนิ่งในการตรวจสอบสุขภาวะของเศรษฐกิจญี่ปุ่นโดยรวม”
นักเศรษฐศาสตร์หลายคนชี้ว่า ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินมูลค่าความเสียหายจากแผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 9.0 และคลื่นยักษ์สูงร่วม 10 เมตร ที่ถล่มหลายจังหวัดทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจนวินาศ ทั้งยังส่งผลให้เกิดวิกฤตทางด้านนิวเคลียร์ตามมา
ในจำนวนบริษัทชั้นนำของประเทศนั้น หุ้นของโตโยต้าตกลงมา 4.83% ขณะที่นิสสันตกลง 3.6% ฮอนด้าร่วงลง 3.81% และโซนี่ ดิ่งลงไป 6.27% ขณะที่ โตชิบา ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเตาปฏิกรณ์ มีแต่การเสนอขายเท่านั้น หลังจากหุ้นร่วงลงไปถึงขีดสุด 16% ในวันจันทร์ที่ผ่านมา
“ประวัติศาสตร์สอนเราว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติเช่นนี้แทบจะไม่ทิ้งความเสียหายยืนยาวต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่น แม้ว่าผลกระทบในระยะสั้นนั้นอาจเป็นคนละเรื่อง” บิล โอนีล หัวหน้าฝ่ายการลงทุนของบริษัทเมอร์ริล ลินช์ ชี้
เขาเสริมว่า “การประเมินเบื้องต้นจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ชี้ว่าความเสียหายอาจสูงถึง 35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ”