เอเอฟพี – ในเอเชีย เท้าไม่ได้เป็นแค่อวัยวะสำหรับการเคลื่อนไหวเพื่อนำพาเจ้าของจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุด หรือใช้เพื่อยืนเท่านั้น แต่ยังนำคนไปสู่เขตทุ่นระเบิดทางวัฒนธรรม
ที่อินเดีย การแตะเท้าถือเป็นการแสดงความเคารพต่อความรู้และประสบการณ์ของเจ้าของเท้า ที่ปกติแล้วเป็นพฤติกรรมที่จะปฏิบัติต่อผู้สูงวัยในครอบครัว ครูบาอาจารย์และพ่อแม่เท่านั้น
เท้ายังมีบทบาทสำคัญในพิธีแต่งงานของชาวแดนภารตะ
ระหว่างงานวิวาห์ของศาสนาฮินดูทางตะวันตกของอินเดีย พ่อเจ้าสาวต้องล้างเท้าเจ้าบ่าว ขณะที่ทางตะวันออกของอินเดีย เจ้าสาวต้องหย่อนเท้าลงในน้ำนมผสมสีย้อมสีแดงก่อนเดินเข้าบ้านเจ้าบ่าว เพื่อประทับรอยเท้าสีแดงไว้บนพื้น
ผู้หญิงฮินดูและมุสลิมจะแต่งเท้าด้วยเฮนนาก่อนเข้าสู่พิธีแต่งงาน และเจ้าสาวฮินดูมักสวมแหวนที่นิ้วเท้าหลังแต่งงานเพื่อแสดงสถานะสมรสแล้ว
ขณะเดียวกัน คนญี่ปุ่นจะไม่สวมรองเท้าเข้าบ้าน ผู้เชี่ยวชาญบางคนอธิบายว่า เนื่องจากการใช้เสื่อทาทามิ ที่ถือว่ามีค่าและศักดิ์สิทธิ์
แต่ผู้สันทัดกรณีอีกมากมายบอกว่า เป็นเพราะเหตุผลด้านความสะอาด เนื่องจากในญี่ปุ่นมีความชื้นสูง ดังนั้น การถอดรองเท้าจึงช่วยให้เท้าแห้ง
เจ้าของรถในญี่ปุ่นบางคนยังขอให้ผู้โดยสารถอดรองเท้าออกก่อน ขณะที่นักธุรกิจเปลี่ยนไปสวมรองเท้าแตะเวลาอยู่ในออฟฟิศ และไม่ใช่เรื่องผิดปกติในการถอดรองเท้าไว้หน้าประตูร้านอาหาร
หลายร้อยปีมาแล้วที่ผู้หญิงจีนถูกบังคับให้อดทนกับการรัดเท้าอันทรมาน เพื่อให้เท้าเล็กลง ซึ่งเป็นเกณฑ์สำคัญบ่งชี้ความงามและความเหมาะสมในการแต่งงานในสมัยก่อน
ประเพณีโบราณดังกล่าวถูกยกเลิกเมื่อพรรคคอมมิวนิสต์ขึ้นครองอำนาจในปี 1949 โดยความสนใจในเรื่องเท้าของชาวจีนยุคใหม่เปลี่ยนมาเน้นที่การนวดแทน
ถนนแทบทุกสายในเมืองใหญ่ๆ ของแดนมังกรจะมีร้านนวดฝ่าเท้า 1 หรือ 2 ร้าน ถือเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากความเชื่อดั้งเดิมที่มีต่อคุณภาพการบำบัดด้วยการนวดเท้า
แพทย์แผนโบราณของจีนบอกว่า เท้ามีจุดกดมากมายและการนวดผ่อนคลายฝ่าเท้าช่วยส่งเสริมสุขภาพในส่วนอื่นๆ ของร่างกาย รวมถึงป้องกันโรคได้
สมาคมอุตสาหกรรมการนวดฝ่าเท้าของจีนระบุว่า ในปี 2008 ธุรกิจนี้ทำรายได้ถึงวันละ 1,000 ล้านหยวน (152 ล้านดอลลาร์) อันเป็นผลสืบเนื่องจากประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น
ร้านนวดหลายแห่งให้บริการนวดฝ่าเท้า 90 นาทีในสนนราคาย่อมเยาเพียง 80 หยวน ซึ่งรวมถึงการแช่เท้าในสมุนไพร ตามด้วยการนวดฝ่าเท้าและนิ้วเท้า
ธุรกิจนี้ยังขยับขยายข้ามไปยังเกาะฮ่องกง
หมอนวดกดจุดเชื่อว่า มีความเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างเท้ากับอวัยวะสำคัญของร่างกาย และถ้าเจ็บเท้าที่ใดที่หนึ่ง ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าอาจมีความผิดปกติในบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย
“นิ้วเท้าเชื่อมโยงโดยตรงกับศีรษะ ดังนั้น การนวดนิ้วเท้าจึงเท่ากับการกระตุ้นสมอง
“เราสามารถตรวจหาว่าส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายกำลังมีปัญหาอยู่ได้จากการนวดเท้า เพราะลูกค้าจะรู้สึกเจ็บผิดปกติ การนวดเท้าจึงเหมือนการออกกำลังกายสำหรับอวัยวะ” หมอนวดเท้าคนหนึ่งบอก
ตำรับแพทย์แผนโบราณของจีนนั้นอิงกับทฤษฎีที่ว่า แรงกดและปัจจัยภายนอกอื่นๆ อาจทำให้เกิดการอุดกั้นและไม่สมดุลในร่างกาย อันเป็นสาเหตุของโรคภัยไข้เจ็บตามมา
นอกจากนี้ ยังเชื่อกันว่าการกระตุ้นจุดฝังเข็มช่วยให้พลังงานหมุนเวียน และกระตุ้นให้ร่างกายเยียวยาตัวเอง
ลูกค้าคนหนึ่งที่รับบริการนวดฝ่าเท้าทุกสัปดาห์บอกว่า ก่อนเริ่มนวดครั้งแรก เขารู้สึกเหนื่อยง่ายและข้อต่อที่ขายึด แต่ตอนนี้เดินได้ดีขึ้นแถมเจริญอาหารอีกต่างหาก
หมอนวดอีกคนเสริมว่า การนวดครั้งแรกมักเจ็บ โดยเฉพาะคนที่กังวลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“ลูกค้าหลายคนพักผ่อนมาไม่เพียงพอ บางคนรู้สึกได้เลยว่าปอดและหัวใจอ่อนแอ คนพวกนี้จะเจ็บเวลานวด
“การนวดไม่เหมือนการกินยา เพราะจะไม่มีผลข้างเคียง แต่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น”