เอเอฟพี - คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงของกองกำลังที่จงรักภักดีต่อประธานาธิบดีมูอัมมาร์ กัดดาฟี ของลิเบีย พร้อมเรียกร้องให้ยุติการใช้ความรุนแรงในทันที
สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น 15 ประเทศลงมติประณามความรุนแรง และการใช้กำลังกับพลเรือน ทั้งยังคัดค้านการปราบปรามกลุ่มผู้ที่ชุมนุมอย่างสันติ และแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อประชาชนหลายร้อยคนที่เสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม ทูตลิเบียประจำยูเอ็นเผยถึงข้อมูลที่เขาได้รับมาว่า นับตั้งแต่กัดดาฟีประกาศเตือนจะเดินหน้าปราบปรามผู้คัดค้านอย่างถึงที่สุดแล้ว การโจมตีเพื่อฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ก็เกิดขึ้นในหลายเมืองทางตะวันตก
ทางการลิเบียยอมรับว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ยอดผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมมีไม่ต่ำกว่า 300 ราย แต่กลุ่มพิทักษ์สิทธิมนุษยชนหลายกลุ่มเกรงว่าตัวเลขนั้นอาจทะลุถึง 400 ราย
แถลงการณ์ซึ่งออกมาหลังการปรึกษาหารือ และเจรจากันนาน 3 ชั่วโมงระบุว่า สมาชิกคณะมนตรีฯ เน้นถึงความจำเป็นในการยึดถือหลักความรับผิดชอบต่อการโจมตีพลเรือนเหล่านั้น โดยการใช้กำลังภายใต้การควบคุมของทางการลิเบีย
“พวกเขาเรียกร้องให้ยุติการใช้ความรุนแรงในทันที และเดินหน้าจัดการปัญหาความกังวลของประชากรอย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรม” แถลงการณ์ระบุ
แม้กัดดาฟีจะไม่ได้ถูกเอ่ยถึงในแถลงการณ์ดังกล่าว แต่เป็นที่ชัดเจนว่าผู้นำเผด็จการที่ครองอำนาจในลิเบียมานานกว่า 40 ปีเป็นเป้าประสงค์ของคณะมนตรีฯ ซึ่งต้องการให้รัฐบาลคุ้มครองประชาชน และยินยอมให้องค์กรสิทธิมนุษย์ และองค์กรความช่วยเหลือระหว่างประเทศเข้าแทรกแซง
คณะทูตของลิเบีย ซึ่งแตกหักกับกัดดาฟีแล้ว ได้เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็นจัดการประชุม และร้องขอเขตห้ามบินเหนือประเทศ ตลอดจนความช่วยเหลือประชาชน แต่ประเด็นดังกล่าวไม่ได้ถูกยกขึ้นหารือในการเจรจาดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ กัดดาฟีสั่งการให้กองกำลังของเขา ทั้งรถถัง เฮลิคอปเตอร์ และเครื่องบินรบออกบดขยี้กลุ่มผู้ประท้วงโค่นล้มการปกครองของเขา โดยเตือนว่าผู้ชุมนุมที่พกอาวุธจะต้องถูกดำเนินการขั้นเด็ดขาด และประกาศว่าจะสู้จนถึงที่สุด