เอเอฟพี - เอกอัครราชทูตลิเบีย ประจำอินโดนีเซีย สิงคโปร์ และ บรูไน พร้อมใจกันลาออกจากตำแหน่ง เพื่อประท้วงการสลายฝูงชนของ มูอัมมาร์ กัดดาฟี กระทรวงต่างประเทศอิเหนา เปิดเผยวันนี้ (23)
ซาเลเฮดดิน เอ็ม.เอล บิชารี ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์จาการ์ตา โพสต์ ว่า การลาออกดังกล่าวเป็น “การตัดสินใจส่วนตัว” นักการทูตลิเบียผู้นี้ยังได้แสดงความกังวลถึงความปลอดภัยของครอบครัวในลิเบีย
“ทหารกำลังฆ่าประชาชนผู้ไร้อาวุธอย่างเลือดเย็น มีการใช้อาวุธหนัก เครื่องบินรบ และทหารรับจ้าง เพื่อปราบปรามประชาชนในชาติตัวเอง มันเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ ผมทนมาพอแล้ว และจะไม่ทนอีกต่อไป” เอกอัครราชทูตลิเบียประจำอินโดนีเซีย กล่าว
“ผมได้ยื่นในลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการสภาประชาชนลิเบียประจำอินโดนีเซีย เพื่อคัดค้านต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศของผม”
นักข่าวเอเอฟพีไม่สามารถติดต่อนัการทูตท่านนี้ เพื่อสอบถามถึงเรื่องดังกล่าวได้ ทว่า โฆษกกระทรวงต่างประเทศอินโดนีเซีย ได้ออกมายืนยันแล้วว่า ซาเลเฮดดิน เอ็ม.เอล บิชารี ได้แจ้งเรื่องการลาออกจากตำแหน่งเอกอัครราชทูตกับรัฐบาลกรุงจาการ์ตา
วานนี้ (22) คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ประณามความรุนแรง และการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมโดยสันติของประชาชน และได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อชีวิตผู้คนจำนวนมากที่ต้องสังเวยให้กับความลุแก่อำนาจของ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี
รัฐบาลลิเบีย ยอมรับว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 300 รายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลายระบุตรงกันว่า ยอดผู้เสียชีวิตอาจมีมากกว่า 400 ราย
ประธานาธิบดี กัดดาฟี สั่งการให้กองกำลังของรัฐกำจัด “หนูสกปรก” ออกจากท้องถนน และฝากคำเตือนไปถึงผู้ประท้วงที่มีอาวุธว่า พวกเขาจะได้รับโทษประหารชีวิต ผู้นำลิเบียรายนี้ยังประกาศสู้จนตัวตาย
มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้ครองอำนาจยาวนานที่สุดในบรรดาชาติอาหรับ กล่าวว่า เขายอมพลีชีพ แต่ไม่มีวันสละอำนาจ