เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรี จอร์จ ปาปันเดรอู ของกรีซ ออกมากล่าวหาเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เมื่อวันเสาร์ (12) ว่า มี “พฤติกรรมที่ยอมรับไม่ได้” จากการเรียกร้องต้องการให้กรีซจัดการขายสินทรัพย์ภาครัฐเป็นมูลค่า 50,000 ล้านยูโร เพื่อบรรเทาภาระหนี้สินอันหนักหน่วงสาหัสของประเทศ
สำนักนายกรัฐมนตรีกรีซ แถลงว่า ปาปันเดรอู ได้โทรศัพท์ไปร้องเรียนด้วยตนเองกับ โดมินิก สเตราส์-คาห์น กรรมการผู้จัดการกองทุนระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เกี่ยวกับ “พฤติกรรมที่ยอมรับไม่ได้” ของคณะผู้เชี่ยวชาญของ อียู, ไอเอ็มเอฟ, และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ซึ่งกำลังร่วมกันทำหน้าที่ติดตามการดำเนินการปฏิรูปทางเศรษฐกิจของกรีซ ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในตอนที่กรีซรับเงินกู้ช่วยเหลือพยุงฐานะการเงินการคลังจากหน่วยงานทั้งสาม
นอกจากนั้น ปาปันเดรอูยังได้โทรศัพท์ไปร้องเรียนกับ ออลลี เรห์น กรรมาธิการฝ่ายกิจการเศรษฐกิจของอียู แล้วด้วย สำนักนายกรัฐมนตรีกรีซระบุ โดยที่มีรายงานว่าเขาจะประท้วงในทำนองเดียวกันไปยัง โจเซ มานูเอล บาร์โรโซ ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของอียู และ ฌอง-โคลด ตริเชต์ ประธานอีซีบี
การออกมาโวยวายของรัฐบาลกรีซคราวนี้ บังเกิดขึ้นหลังจากที่คณะเจ้าหน้าที่ของอียู, ไอเอ็มเอฟ, และอีซีบี ได้มาติดตามตรวจสอบประจำรอบไตรมาส และพบว่ารายรับของกรีซยังขาดเขินไม่เพียงพอ ขณะที่การปฏิรูปต่างๆ ก็มีความเสี่ยงที่จะคืบหน้าช้าลง ดังนั้นพวกเขาจึงแจ้งในวันศุกร์ (11) ให้ทางการกรีซเริ่มต้นขายสินทรัพย์ของภาครัฐ ตลอดจนเร่งรัดการปฏิรูป เพื่อพยุงการกระเตื้องฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้ยังคงอยู่ในร่องในรอย โดยที่ควรขายสินทรัพย์ให้ได้ 50,000 ล้านยูโรในช่วงระหว่างปี 2011-2015
ก่อนหน้านี้ โฆษกรัฐบาลกรีซ จอร์ เปตาโลติส ก็ได้ออกคำแถลงแสดงความไม่พอใจต่อพฤติกรรมของคณะผู้แทนของอียู, ไอเอ็มเอฟ และอีซีบี มาแล้ว โดยระบุว่า “เราขอให้พวกเขาเข้ามาช่วยเหลือ และก็กำลังทำตามพันธะคำมั่นสัญญาของเราอย่างเต็มที่แล้ว ทว่า เราไม่ได้ขอให้ใครเข้ามายุ่งเกี่ยวในสิ่งที่เป็นกิจการภายในประเทศของเรา”
