xs
xsm
sm
md
lg

จลาจลอียิปต์ สังเวยเกิน 100 ศพ โกลาหลทั่วประเทศแม้ปรับ ครม.ใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี/เอเจนซี - เหตุจลาจลนองเลือดหมายล้มล้างระบอบการปกครองของประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค ทำให้ดินแดนฟาห์โรตกอยู่ในภาวะมิคสัญญี เมื่อมีผู้สังเวยชีวิตแล้วเกิน 100 ราย ขณะที่ประชาชนหลายหมื่นคนยังคงเดินหน้าประท้วงขับไล่เขาต่อไปเป็นวันที่ 6 เมื่อวานนี้ (30)

พร้อมกันนี้ยังมีรายงานความโกลาหลเกิดขึ้นทุกหนแห่งทั่วประเทศเมื่อมีทั้งการปล้นสะดมร้านค้า, บุกโจรกรรมวัตถุโบราณล้ำค่าตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ตลอดจนมีนักโทษหลายพันคนแหกคุกหลบหนีออกมาป่วนเมือง รวมทั้งมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากติดค้างอยู่ในสนามบินอีกด้วย

ถึงแม้ว่า มูบารัค พยายามจะคลี่คลายสถานการณ์ให้สงบลงโดยเร็วด้วยการสั่งให้คณะรัฐมนตรีลาออกยกชุดและปรับโฉมรัฐบาลใหม่โดยแต่งตั้งรองประธานาธิบดีกับนายกรัฐมนตรีคนใหม่แล้วก็ตาม ทว่าก็ไร้ผล

มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 22 ศพในเมืองเบนีซูเอฟ ทางใต้ของกรุงไคโร เมื่อวันเสาร์ (29) ซึ่งเป็นวันที่ 5 นับตั้งแต่ที่ประชาชนลุกฮือขึ้นประท้วงขับไล่ประธานาธิบดี มูบารัค ให้พ้นบังเหียนหลังยึดอำนาจบริหารประเทศแบบเบ็ดเสร็จมานานกว่า 30 ปี ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์และเจ้าหน้าที่เล่าว่า เหล่าผู้ประท้วงในเมืองดังกล่าวยังพยายามจะวางเพลิงเผาสถานีตำรวจ ส่วนในกรุงไคโร มีผู้ประท้วงสังเวยชีวิตเพิ่มอีก 3 ศพ และที่เมืองซีนาย ก็มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นายถูกสังหาร ซึ่งทำให้ยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมดจนถึงเมื่อเช้าวานนี้ (30) พุ่งขึ้นเป็นอย่างน้อย 102 รายแล้ว

อย่างไรก็ตาม ประชาชนหลายหมื่นคนยังคงเดินหน้าประท้วงขับไล่รัฐบาลต่อไปในวันอาทิตย์ (30) หลังจากเมื่อวันเสาร์ (29) มีรายงานว่าผู้ประท้วงหลายร้อยคน ได้ขว้างปาระเบิดขวดทำเอง “โมโลตอฟค็อกเทล” ใส่ตำรวจใกล้กับใจกลางเมืองอันเป็นจุดศูนย์กลางของการประท้วง รวมทั้งมีการทุบทำลายร้านค้าริมทางและปล้นสะดม ขณะที่ตำรวจตอบโต้ด้วยการยิงกระสุนจริง โดยที่ในช่วงหัวค่ำของวันเดียวกัน ผู้ประท้วงกับตำรวจยังได้ปะทะกันที่บริเวณด้านหน้าของที่ทำการกระทรวงมหาดไทยอีกด้วย

ขณะที่มีพลเรือนอีกจำนวนหนึ่งราว 200 ชีวิตได้ปักหลักนั่งประท้วง ณ จัตุรัสตอห์รีร์ ข้ามวันข้ามคืนโดยที่ถูกล้อมโดยรถถังของทหาร อย่างไรก็ตามทหารไม่ได้กระทำการปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงเหล่านี้แม้ว่าพวกเขาจะฝ่าฝืนคำประกาศเคอร์ฟิวห้ามผู้ใดออกนอกบริเวณที่พำนักในยามวิกาลซึ่งมีผลบังคับใช้ทั่วกรุงไคโร, อเล็กซานเดรีย เมืองใหญ่อันดับสอง และเมืองสุเอซ เมืองท่าสำคัญของอียิปต์

นอกจากนี้ยังเกิดเหตุการณ์นักโทษในเรือนจำหลายแห่งทั่วประเทศอียิปต์ถือโอกาสเหตุความไม่สงบครั้งนี้ทำการแหกคุกอีกด้วย โดยที่เรือนจำวาดี นัตรุน ทางเหนือของกรุงไคโร มีรายงานว่านักโทษจำนวนหลายพันคนได้แหกคุกหลบหนีในช่วงกลางดึกของคืนวันเสาร์ (29)

ทั้งนี้ เรือนจำดังกล่าวเป็นที่คุมขังนักโทษการเมืองอิสลามมิสต์จำนวนมาก ขณะที่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งระบุว่า ยังมีนักโทษจำนวน 8 รายถูกสังหารในระหว่างก่อหวอดในเรือนจำอาบู จาบัล ทางตะวันออกของกรุงไคโร รวมทั้งยังมีนักโทษอีกหลายสิบคนในเรือนจำเมืองฟายุมทางตอนใต้ของกรุงไคโรก็พยายามหลบหนีจนเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ ทำให้มีตำรวจเสียชีวิต 1 นาย ส่วนนักโทษในเรือนจำตามเขตปกครองต่างๆ ทั่วอียิปต์ก็พากันแหกคุกเช่นกัน

ยังไม่หมดเพียงแค่นี้ ในช่วงกลางดึกของวันเสาร์ (29) มีกลุ่มโจรบุกปล้นพิพิธภัณฑ์กรุงไคโร ซึ่งเป็นสถานที่เก็บรักษาหน้ากากทองคำและทรัพย์สมบัติล้ำค่าอื่นๆ ของฟาห์โรตุตันตามุน ทำให้รูปปั้นและมัมมี่อายุกว่า 2,000 ปีได้รับความเสียหาย โดยรายงานระบุว่า ชายฉกรรจ์ 9 คนอาศัยเหตุเพลิงไหม้บริเวณที่ทำการพรรคเนชั่นแนล เดโมแครติก ปาร์ตี้ของมูบารัค ซึ่งส่งผลให้ระบบรักษาความปลอดภัยในพิพิธภัณฑ์ขัดข้อง บุกเข้าไปขโมยของมีค่า อย่างไรก็ตามทั้งหมดถูกตำรวจและประชาชนช่วยกันจับไว้ได้ขณะพยายามหลบหนีไปพร้อมกับหัวของมัมมี่และรูปปั้น ซึ่งคาดว่ามีอายุกว่า 2,000 ปี

ท่ามกลางความโกลาหลวุ่นวายในกรุงไคโรและเมืองสำคัญหลายแห่งในเหตุตึงเครียดทางการเมืองที่รุนแรงที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษคราวนี้ มีรายงานด้วยว่า บรรดานักท่องเที่ยวจำนวนมากต้องติดค้างอยู่ในท่าอากาศยานกรุงไคโร หลังจากที่สายการบินหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงอียิปต์แอร์ ประกาศยกเลิกเที่ยวบิน

ด้าน ประธานาธิบดีมูบารัค ซึ่งก่อนหน้านี้ในวันเสาร์ (29) ได้สั่งการให้คณะรัฐมนตรีลาออกยกชุด เพื่อหวังจะคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียดและลดความโกรธกริ้วของประชาชนลง ล่าสุดเมื่อวานนี้ (30) ก็ได้แต่งตั้งให้พลเอกโอมาร์ ซูไรมาน หัวหน้าหน่วยข่าวกรองของกองทัพ เป็นรองประธานาธิบดี ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เพิ่งจะมีขึ้นครั้งแรก ขณะเดียวกันยังได้แต่งตั้งให้อาห์เหม็ด ชาฟิก ซึ่งเคยได้รับคาดหมายว่าจะเป็นทายาททางการเมืองต่อจากมูบารัค เป็นนายกรัฐมนตรีอีกด้วย

แต่กระนั้นก็ตาม กลุ่มผู้ประท้วงยังคงปฏิเสธไม่ให้การยอมรับ โดยระบุว่าคำมั่นสัญญาที่เขาให้ไว้ว่าจะปฏิรูประบบการเมืองและเศรษฐกิจนั้นหลักลอยเกินไป อีกทั้งเรื่องนี้ก็สายเกินไปเสียแล้ว พร้อมกับแสดงความไม่พอใจที่มูบารัคแต่งตั้งซูไรมานให้เป็นรองประธานาธิบดี โดยหลังจากคำประกาศแต่งตั้งและการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทั้งสองมีขึ้น ปรากฏว่าที่จตุรัสตอห์รีร์ กลุ่มผู้ประท้วงต่างร้องตะโกนกึกก้องว่า “ไม่เอามูบารัค ไม่เอาซูไรมาน”

ทางด้าน โมฮัมเหม็ด เอลบาราเด เจ้าของรางวัลโนเบล และอดีตหัวหน้าผู้ตรวจสอบอาวุธนิวเคลียร์ขององค์การสหประชาชาติ ที่เวลานี้ผันตัวมาเป็นแกนนำในการประท้วงโค่นล้มอำนาจเผด็จการในอียิปต์ ประกาศว่า การแต่งตั้งและการปรับแต่งคณะรัฐมนตรีโฉมใหม่คราวนี้ยังไม่เพียงพอ

“ผมขอบอกกับประธานาธิบดีมูบารัคและระบอบของเขาให้ไปให้พ้นจากอียิปต์โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ซึ่งมันจะเป็นการดีขึ้นสำหรับอียิปต์และสำหรับพวกคุณเอง” เขาให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรทัศน์อัลญะซีเราะห์ของกาตาร์

สำหรับปฏิกิริยาของนานาชาติต่อเรื่องนี้ สหรัฐฯ ซึ่งกำลังตกอยู่สภาพอิหลักอิเหลื่อหลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ให้การสนับสนุนประธานาธิบดีมูบารัคเรื่อยมา รบเร้าให้ผู้นำอียิปต์ทำการปฏิรูประบบการเมืองอย่างจริงจังหลังจากที่มีการปรับคณะรัฐมนตรีแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น