เอเอฟพี - เหตุธรณีพิโรธ ซึ่งทำลายตึกรามบ้านช่องในชิลี เมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา ยังคงส่งผลให้ประชาชนกว่าครึ่งล้านตกอยู่ในสภาพยากจนข้นแค้น และเพิ่มจำนวนผู้ยากไร้ของประเทศเป็น 19.4 เปอร์เซ็นต์ ผลสำรวจของรัฐบาลรายงานวานนี้ (25)
“เรากำลังพูดกันถึงประชาชนชาวชิลีมากกว่า 3 ล้าน ที่อยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจน” เฟลิเป กัสต์ รัฐมนตรีกระทรวงวางแผนกล่าวระหว่างการนำเสนอข้อมูลในการแถลงข่าว
แผ่นดินไหว 8.8 ริกเตอร์ และสึนามิ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2010 ได้คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 500 คน และสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ทางตอนกลางและใต้ของชิลี รัฐบาลได้สำรวจความยากจนของประชากรตั้งแต่เดือนเมษายน-พฤษภาคม เพื่อตรวจสอบถึงผลกระทบต่อสถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคมจากเหตุแผ่นดินไหว
รัฐมนตรีกัสต์ กล่าวว่า จากรายงานดังกล่าว พบว่า “ชาวชิลี 500,000 คนตกอยู่ในสภาพยากจน ซึ่งเป็นผลพวงจากเหตุแผ่นดินไหว”
รายงานฉบับนี้ได้ประเมินไว้ว่า มีประชาชนในพื้นที่ภัยพิบัติสูญเสียที่อยู่อาศัยจำนวน 17.3 เปอร์เซนต์ จำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้นจาก 620,000 คน ในปี 2009 เป็น 700,000 คน
ความสูญเสียจากภัยพิบัติดังกล่าวคาดว่ามีมูลค่าราว 3,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 92,000 ล้านบาท)
อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขคนยากจนและอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น แต่ธนาคารกลางของชิลีกลับเสนอข้อมูลว่า เศรษฐกิจเติบโตขึ้น 5.2 เปอร์เซ็นต์ในปี 2010 และน่าจะเติบโตต่อเนื่องในปีนี้ระหว่าง 5.5 - 6.5 เปอร์เซ็นต์
