แฉ! “ปาเลสไตน์” เคยเสนอ “อิสราเอล” ยก “เยรูซาเลม” ให้เพื่อแลกสันติภาพ

เอเจนซี / เอเอฟพี - คณะผู้เจรจาชาวปาเลสไตน์ เคยเสนออิสราเอลอย่างลับๆ ในระหว่างการเจรจาสันติภาพเมื่อสองปีก่อน ว่า จะยกดินแดนจำนวนมากของเยรูซาเลมตะวันออก ซึ่งเป็นของปาเลสไตน์ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐยิว เพื่อแลกกับข้อตกลงสันติภาพที่รอคอยมานานนับทศวรรษๆ ทั้งนี้ จากการรายงานของสถานีโทรทัศน์ข่าวอัลญะซีเราะห์ โดยอ้างเอกสารลับทางการทูตซึ่งมีการรั่วไหล

เอกสารลับหลายฉบับในชื่อ “ปาเลสไตน์ เปเปอร์ส” ซึ่งอัลญะซีเราะห์ได้รับ และนำออกตีแผ่ในวันอาทิตย์ (23) นั้น ส่วนหนึ่งเป็นบันทึกการสนทนาระหว่างการเจรจาสันติภาพในเดือนมิถุนายน ปี 2008 ซึ่งมี นางคอนโดลีซซา ไรซ์ รัฐมนตรีการต่างประเทศของสหรัฐฯ และ ซิปี ลิฟนี รัฐมนตรีการต่างประเทศของอิสราเอลในขณะนั้น พร้อมด้วย อดีตนายกรัฐมนตรีของปาเลสไตน์ อาห์หมัด กูเระ กับ ซาเอ็บ เอรากัต หัวหน้าผู้เจรจาของปาเลสไตน์ร่วมอยู่ด้วย โดยเนื้อหาภายในนั้น กล่าวอ้างว่า กูเระ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เจรจาระดับสูงสุดของปาเลสไตน์ในปีนั้น ได้ยื่นข้อเสนอแก่อิสราเอล ว่า สามารถผนวกเอาดินแดนหลายๆ ผืนของเยรูซาเลมตะวันออก เข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัฐยิวได้ โดยยกเว้นไว้แค่เพียงเขต “ฮาร์โฮมา” ดินแดนเล็กๆ ทางตอนใต้ของเยรูซาเลมตะวันออกเท่านั้น

“ข้อเสนอท้ายสุดนี้ น่าจะช่วยให้กระบวนการเจรจาแลกเปลี่ยนประสบผลคืบหน้า” อัลญะซีเราะห์ รายงานโดยอ้างคำพูดของกูเระ ในที่ประชุม

“เราเสนอว่า อิสราเอลจะสามารถครอบครองที่ตั้งนิคมทั้งหมดในดินแดนเยรูซาเลมได้ ยกเว้นเพียงส่วนของ จาบัล อาบู กะไนม์ (ฮาร์โฮมา)” นอกจากนี้ เขายังเสนอว่า อิสราเอลสามารถควบคุมดินแดนบางส่วนของเขตเมืองเก่าในเยรูซาเลม ได้อีกด้วย

ทั้งนี้ ตามที่อัลญะซีเราะห์ ระบุนั้น ดินแดนเยรูซาเลมตะวันออก ที่ปาเลสไตน์เสนอจะยกให้ครอบครองนั้น ประกอบด้วย ดินแดนส่วนที่อิสราเอลเข้าไปสร้างชุมชนเคหสถาน เพื่อไว้เป็นรกรากของชาวยิว, เฟรนช์เมาต์, รามัต อาลอน และ กิโล ตลอดจนเขตชุมชนชาวยิว และดินแดนส่วนหนึ่งของชุมชนชาวอาร์เมเนียในเขตเมืองเก่าของเยรูซาเลม

“นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เรายื่นข้อเสนอเช่นนี้ ทั้งที่เราเคยปฏิเสธไปเมื่อครั้งเจรจาที่แคมป์ เดวิด” เขากล่าวเสริม โดยที่หมายถึงการเจรจาสันติภาพแคมป์เดวิดซึ่งจัดขึ้นโดยสหรัฐฯ ในปี 2000 ซึ่งคราวนั้น ยัสเซอร์ อาราฟัต ผู้นำปาเลสไตน์ ณ เวลานั้นก็ไปเข้าร่วมด้วย

ขณะที่ข้อมูลอีกชิ้นหนึ่งอ้างคำพูดของเอเรกัต ซึ่งบอกกับรัฐมนตรีหญิงลิฟนี ระบุว่า “มันไม่ใช่ความลับที่ว่า... เรากำลังจะยื่นข้อเสนอเมืองเยรูซาเลมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ให้แก่คุณ”

ทว่า ในรายงานระบุว่า “ทางฝ่ายอิสราเอลตอบปฏิเสธไม่ยอม แม้กระทั่งนำประเด็นพิพาทกรณีเยรูซาเลมนี้เข้าไว้เป็นส่วนหนึ่งของวาระการเจรจา” พร้อมกับระบุด้วยว่าข้อเสนอของฝ่ายปาเลสไตน์ไม่ดีพอที่จะทำให้กระบวนการเจรจาคืบหน้า นอกจากนี้ อัลญะซีเราะห์ ยังรายงานต่อไปว่า ปาเลสไตน์ยังเตรียมพร้อมที่จะยื่นข้อเสนอต่างๆ เกี่ยวกับประเด็นอ่อนไหวว่าด้วยสิทธิของผู้อพยพชาวปาเลสไตน์ในการกลับคืนสู่ถิ่นฐานด้วย

อย่างไรก็ตาม เอเรกัต ออกมาแก้ข่าวทันควันเมื่อวานนี้ (24) โดยปฏิเสธว่าเอกสารต่างๆ ที่อัลญะซีเราะห์ รายงานไปนั้นเป็นเรื่องมดเท็จทั้งเพ

ทางด้าน ฮามาส กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงชาวปาเลสไตน์ ซึ่งยึดครองเขตฉนวนกาซาอันเป็นดินแดนอีกส่วนของปาเลสไตน์ ประกาศว่า ข้อมูลต่างๆ ที่ถูกตีแผ่ออกมานั้น ได้เปิดโปงว่า รัฐบาลปาเลสไตน์ “กำลังพยายามที่จะล้มล้างอุดมการณ์ของชาวปาเลสไตน์ทั้งปวง”

“นี่เปิดเผยให้เห็นว่าผู้นำปาเลสไตน์ กำลังวางตนเองอยู่ในตำแหน่งที่ไม่อาจจะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนได้อีกต่อไป” ซากาเรีย อัล-กัค นักวิจารณ์ชาวปาเลสไตน์ ให้ทัศนะ

ทั้งนี้ อิสราเอลยึดครองเยรูซาเลมตะวันออกได้หลังชนะสงคราม 6 วันที่ทำกับกลุ่มประเทศอาหรับในปี 1967 โดยได้ผนวกรวมเอาเขตเมืองเก่าภายในแนวสันกำแพง ซึ่งเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของเยรูซาเลมตะวันออก กับดินแดนส่วนอื่นๆ ใกล้กับตะเข็บชายแดนเขตเวสต์แบงก์ เข้ากับเยรูซาเลมตะวันตกของตนซึ่งยึดครองมาได้ตั้งแต่ปี 1948 อย่างไรก็ตาม เยรูซาเลมตะวันออกก็ยังเป็นถิ่นฐานของชาวปาเลสไตน์จำนวนมาก จนถึงปัจจุบันนี้ โดยที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็พยายามอ้างว่านครศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นเมืองหลวงของตนมาโดยตลอด