เอเอฟพี / เอเจนซี - ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดี หู จิ่นเทา ของจีน ปะทะคารมในประเด็นปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนเมื่อวันพุธ (19) อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายต่างก็แสดงท่าทีถ้อยทีถ้อยอาศัย โดยคำนึงถึงหลักพื้นฐานความแตกต่างระหว่างสองประเทศเป็นสำคัญ ซึ่งก็ลงเอยตามที่หลายฝ่ายคาดหมายไว้ นั่นคือ การที่ผู้นำทั้งสองยังไม่อาจคลี่คลายประเด็นพิพาทสำคัญระหว่างสองประเทศลงได้อย่างมีนัย นอกเหนือไปจากการให้คำมั่นสัญญาต่อกันว่าจะทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน
บนแท่นพิธีการตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ณ บริเวณสนามหญ้าทิศใต้ของทำเนียบขาวเมื่อเช้าวันพุธ (19) ประธานาธิบดี โอบามา พร้อมด้วยประธานาธิบดี หู ผลัดกันกล่าวสุนทรพจน์ หลังจากกองดุริยางค์ทหารสหรัฐฯ บรรเลงเพลงชาติของสาธารณรัฐประชาชนจีน และสหรัฐอเมริกา จบลง พร้อมกับเสียงปืนยิงสลุด 21 นัด ซึ่งเป็นสัญญาณเปิดฉากการหารือระดับทวิภาคีระหว่างสองผู้นำประเทศมหาอำนาจแห่งศตวรรษที่ 21 อย่างเป็นทางการ
ในระหว่างการหารือในทำเนียบขาว ประธานาธิบดี หู บอกกับ โอบามา โดยมีใจความตอนหนึ่งกล่าวถึงประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนในแดนมังกร ว่า จีนยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำเพื่อพัฒนาด้านสิทธิเสรีภาพภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม เขาพยายามชี้ว่าสิทธิเสรีภาพในความหมายของจีนนั้น ไม่ใช่สิทธิมนุษยชนแบบสากลตามคำนิยามของสหรัฐฯ แต่อย่างใด
แต่กระนั้น โอบามา ซึ่งก่อนหน้าได้กล่าวสุนทรพจน์ต้อนรับการมาเยือนแบบรัฐพิธีครั้งแรกของหู พร้อมกับรบเร้าให้จีนปรับปรุงด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศให้ดีขึ้น โดยวงเล็บว่า จะเป็นการดีสำหรับจีนเองนั้น ก็ได้ลดโทนประเด็นความขัดแย้งอันอ่อนไหวลงโดยสร้างบรรยากาศรอมชอมขึ้นมาแทนที่ด้วยการกล่าวแสดงความยินดี และให้การต้อนรับการผงาดขึ้นมาของจีนในฐานะของมหาอำนาจสำคัญของโลกในศตวรรษที่ 21 พร้อมกับรอคอยที่จะเห็นยุคสมัยแห่ง “การแข่งขันแบบฉันท์มิตร”
โอบามา ยังกล่าวแสดงความหวังที่จะรื้อกระดานความสัมพันธ์กับจีนใหม่ โดยกำจัดทัศนคติเก่าๆ ที่มองจีนแบบเหมารวมในแง่ลบ ทิ้งไปเสีย
“ผมเชื่ออย่างแน่นอนว่า การผงาดอย่างสันติของจีนจะเป็นเรื่องดีสำหรับโลกและเป็นเรื่องดีสำหรับอเมริกาเช่นกัน” โอบามา สำทับ
ผู้นำทั้งสองยังให้คำมั่นสัญญาต่อกันด้วยว่าจะแสวงหาหนทางร่วมมือในประเด็นปัญหาสำคัญๆ ของโลก ซึ่งรวมถึงปัญหาในคาบสมุทรเกาหลีด้วย
จากนั้นผู้นำของสองประเทศมหาอำนาจโลกก็เข้าร่วมงานเลี้ยงรับรองอาหารค่ำอย่างเป็นทางการ ซึ่งจัดขึ้นอย่างหรูหราและสมเกียรติในทำเนียบขาว โดยมีแขกเหรื่อผู้ทรงคุณวุฒิมากมายที่ได้รับเกียรติให้มาร่วมงานครั้งนี้ด้วย อาทิ ซูเปอร์สตาร์แห่งวงการฮอลลีวูด แจ็กกี ชาน และนักร้องชื่อดัง บาร์บรา สตรัยแซนด์ เป็นต้น
“มันเป็นการง่ายที่เราจะคำนึงถึงพื้นฐานความแตกต่างระหว่างเรา (สองประเทศ) ทั้งในเรื่องของวัฒนธรรมและทัศนคติ ขอให้พวกเราอย่าได้ลืมเลือนค่านิยมต่างๆ ที่ประชาชนของพวกเราได้แบ่งปันกัน” โอบามากล่าวขณะยกแก้วอวยพรแด่หู โดยที่ก่อนหน้านั้นเขาอธิบายกับผู้นำจีน ว่า “เราชาวอเมริกันมีมุมมองสำคัญบางอย่างเกี่ยวกับความเป็นสากลของค่านิยมสิทธิเสรีภาพ ซึ่งรวมถึงเสรีภาพในการพูด, เสรีภาพในการนับถือศาสนา ตลอดจนเสรีภาพในการชุมนุม ซึ่งเราคิดว่ามีความสลักสำคัญยิ่งและอยู่นอกเหนือวัฒนธรรม”
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการแถลงข่าวสื่อมวลชน ทั้ง โอบามา และ หู ต่างแสดงให้ทั่วโลกเห็นว่า แทบจะไม่มีความคืบหน้าใดๆ เลยเกี่ยวกับการแก้ปัญหาข้อพิพาทสำคัญๆ ที่ฉุดรั้งความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้จมดิ่งลงตลอดช่วงหลายปีหลังมานี้ โดยเฉพาะในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน, เสรีภาพในการเข้าถึงตลาดจีน จวบจนประเด็นยุทธศาสตร์ต่างๆ ในด้านภูมิรัฐศาสตร์ แม้ว่าก่อนหน้านั้น ในวันเดียวกัน (19) ทั้งสองฝ่ายจะประกาศว่าได้บรรลุข้อตกลงด้านการส่งออกระหว่างกันคิดเป็นมูลค่ามหาศาลหลายหมื่นล้านดอลลาร์ก็ตาม
ทว่า ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า ในระหว่างการหารือกับประธานาธิบดี หู นอกเหนือจากประเด็นปัญหาสิทธิเสรีภาพในจีนแล้ว เขายังได้เรียกร้องอย่างตรงไปตรงมาให้รัฐบาลปักกิ่งปฏิบัติกับบรรดาบริษัทสัญชาติอเมริกันอย่างเท่าเทียมกับบริษัทท้องถิ่นด้วย ตลอดจนย้ำว่า ค่าเงินหยวน ณ ปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าความเป็นจริง รวมถึงกล่าวสนับสนุนให้จีนเปิดโต๊ะเจรจากับคณะผู้แทนขององค์ทะไลลามะในประเด็นปัญหาทิเบตด้วย
“ผมได้เปิดอกพูดตรงไปตรงมากับประธานาธิบดีหูเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ เหล่านี้” โอบามา บอก
ทั้งนี้ ในวันพุธ (19) ภาคธุรกิจของสหรัฐฯ และจีนได้ลงนามในข้อตกลงด้านการค้ารวม 70 ฉบับ มูลค่าสูงถึง 45,000 ล้านดอลลาร์ โดยในจำนวนนี้รวมถึงสัญญาจัดซื้อเครื่องบินโดยสารจากบริษัทโบอิ้ง 200 ลำ มูลค่า 19,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคาดกันว่าจะสามารถสร้างงานในสหรัฐฯ ได้ถึง 235,000 ตำแหน่ง