รอยเตอร์/เอเอฟพี - หน่วยงานข่าวกรองของอิสราเอล ด้วยความร่วมมือของทางสหรัฐฯ ได้จัดทำโปรแกรม “หนอนคอมพิวเตอร์” ซึ่งเชื่อกันว่า ประสบความสำเร็จในการลอบก่อวินาศกรรมเครื่องเพิ่มความเข้มข้นวัสดุนิวเคลียร์ของอิหร่าน และชะลอความสามารถของอิหร่านในการพัฒนาอาวุธปรมาณูไปอีกหลายปี ทั้งนี้ ตามรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ในฉบับวันเสาร์ (15)
รายงานของนิวยอร์กไทมส์ชิ้นนี้ ซึ่งเล่าถึงความพยายามร่วมกันระหว่างอิสราเอลและสหรัฐฯ ในการก่อวินาศกรรมความมุ่งมาตรปรารถนาทางด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน ได้ให้รายละเอียดว่า โปรแกรมไวรัสคอมพิวเตอร์ชนิด “หนอน” (worm) ดังกล่าวนี้ มีชื่อว่า “สตักซ์เน็ต” (Stuxnet) มันได้ถูกนำมาทดสอบในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาที่ ดิโมนา (Dimona) อันเป็นศูนย์นิวเคลียร์ซึ่งตั้งอยู่ในเขตทะเลทรายเนเกฟของอิสราเอล ที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดยิ่ง
เป็นที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่า อิสราเอลก็ได้สร้างหัวรบปรมาณูมากกว่า 200 หัวรบ ด้วยเตาปฏิกรณ์ที่ศูนย์ดิโมนา ทว่ารัฐยิวยังคงยึดมั่นนโยบายอย่างเป็นทางการที่ว่า จะใช้ท่าทีสร้างความ “คลุมเครือ” ในเรื่องที่ว่าตนเองเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์หรือเปล่า
นิวยอร์กไทมส์ ได้อ้างคำพูดของผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านข่าวกรองและการทหารที่มีความคุ้นเคยกับศูนย์ดิโมนาเป็นอย่างดีหลายๆ ราย ซึ่งระบุว่า อิสราเอลถึงขั้นปั่นเครื่องเพิ่มความเข้มข้นวัสดุนิวเคลียร์ (centrifuge) ของตนในลักษณะเลียนแบบเครื่องซึ่งติดตั้งอยู่ที่ศูนย์นิวเคลียร์ นาตันซ์ (Natanz) ของอิหร่าน ที่ซึ่งพวกนักวิทยาศาสตร์ของอิหร่านกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อเพิ่มความเข้มข้นของยูเรเนียม
“เพื่อตรวจสอบความสามารถของเจ้าหนอนตัวนี้ คุณจะต้องรู้จักเครื่องดังกล่าว” ผู้เชี่ยวชาญชาวอเมริกันผู้หนึ่งบอกกับหนังสือพิมพ์ทรงอิทธิพลฉบับนี้ “เหตุผลที่ทำไมหนอนตัวนี้จึงมีประสิทธิภาพสูงนัก ก็เป็นเพราะฝ่ายอิสราเอลได้นำมันมาทดลองทดสอบแล้วนั่นเอง”
อิหร่านยืนยันเรื่อยมาว่า โครงการนิวเคลียร์ของตนมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า ทว่าพวกผู้นำโลกตะวันตกระแวงสงสัยว่า มันเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อที่จะแอบพัฒนาอาวุธปรมาณู
ก่อนหน้านี้ มีรายงานข่าวว่า เครื่องเพิ่มความเข้มข้นวัสดุนิวเคลียร์ของอิหร่านกำลังประสบปัญหาร้ายแรงถึงขั้นหยุดทำงานไปหลายครั้ง ทั้งที่เคยเดินหน้าขยายความสามารถได้อย่างรวดเร็วในช่วงปี 2007 และ 2008 และพวกผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัยก็เคยคาดเดากันอยู่แล้วว่า โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านอาจจะตกเป็นเป้าหมายของการระดมโจมตีที่มีรัฐหนุนหลัง โดยใช้โปรแกรมไวรัส “สตักซ์เน็ต”
ประธานาธิบดี มาหมุด อาห์มาดิเนจัด ของอิหร่าน ได้ออกมาแถลงในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วว่า เครื่องเพิ่มความเข้มข้นยูเรเนียมของอิหร่านบางส่วนได้เกิด “ปัญหา” สืบเนื่องจากโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่มีวัตถุประสงค์มุ่งร้าย ถึงแม้เขากล่าวด้วยว่า ปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขแล้ว
นิวยอร์กไทมส์ บอกว่า หนอนคอมพิวเตอร์ตัวนี้ถือเป็นอาวุธไซเบอร์ที่ประณีตซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยมีการนำออกมาใช้ปฏิบัติการ และดูเหมือนจะเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้การเดินหน้าด้านนิวเคลียร์ของกรุงเตหะรานต้องสะดุดหยุดชะงักลง
หนอนสตักซ์เน็ตนี้ดูจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ส่วนหนึ่งมุ่งหมายที่จะทำให้เครื่องเพิ่มความเข้มข้นของอิหร่านเกิดอาการปั่นเร็วจี๋ชนิดควบคุมไม่ได้ ซึ่งแหล่งข่าวหลายรายของนิวยอร์กไทมส์ระบุว่า ประสบความสำเร็จทำให้เครื่องมือดังกล่าวพังเสียหายไปราวหนึ่งในห้าทีเดียว
อีกส่วนหนึ่งในโปรแกรมหนอนตัวนี้ นิวยอร์กไทมส์ บอกว่า ทำหน้าที่แอบบันทึกการปฏิบัติงานตามปกติที่ศูนย์นิวเคลียร์แห่งนั้น จากนั้นก็เปิดสิ่งที่บันทึกเอาไว้เหล่านี้กลับไปยังเว็บไซต์ของเจ้าหน้าที่คุมเครื่อง ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนเป็นปกติในช่วงการปฏิบัติการก่อวินาศกรรม
รายงานของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้กล่าวด้วยว่า เวลานี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าการโจมตีสิ้นสุดลงหรือยัง โดยที่มีผู้เชี่ยวชาญบางรายเชื่อว่า ในรหัสคำสั่งของหนอนสตักซ์เน็ต บรรจุไว้ด้วยเชื้อร้ายสำหรับต้อนรับหนอนคอมพิวเตอร์เวอร์ชั่นใหม่ๆ และสำหรับเปิดการโจมตีครั้งต่อๆ ไป
มีร์ ดาแกน อดีตผู้อำนวยการซึ่งเกษียณอายุแล้วขององค์การข่าวกรอง “มอสซาด” ของอิสราเอล เคยกล่าวเมื่อไม่นานมานี้ ว่า โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านตกอยู่ในสภาพต้องถอยหลังกลับ และเตหะรานจะไม่สามารถสร้างระเบิดปรมาณูได้อย่างน้อยก็จนกว่าจะถึงปี 2015 ขณะที่พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รวมทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศ ฮิลลารี คลินตัน ไม่ได้ออกมาโต้แย้งทัศนะนี้ของดาแกนเลย ถึงแม้ทั้งรัฐมนตรีคลินตัน และดาแกน ต่างไม่ได้เอ่ยถึงสตักซ์เน็ต หรือพูดแย้มถึงความเป็นไปได้ที่มีการใช้อาวุธไซเบอร์ใดๆ เข้าเล่นงานโครงการของอิหร่าน
เวลานี้อิสราเอลยังคงแสดงความระวังหวั่นเกรงเรื่องที่อิหร่านจะมีอาวุธนิวเคลียร์ โดยที่นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวว่ามีแต่การคุกคามด้วยการปฏิบัติการทางทหารเท่านั้น จึงจะป้องกันไม่ให้อิหร่านสร้างระเบิดนิวเคลียร์ได้
