เอเอฟพี - ความรุนแรงจากสงครามยาเสพติดในเม็กซิโกได้สังเวยชีวิตผู้คนไป 15,273 รายเมื่อปี 2010 รัฐบาลแถลงวานนี้ (12) ทำให้ปีที่ผ่านมาเป็น 365 วันที่มีการสูญเสียมากที่สุด นับตั้งแต่ประธานาธิบดีเฟลิเป กัลเดรอน ประกาศใช้มาตรการกวาดล้างแก๊งอาชญากรด้วยกำลังทหาร
อเลคานโดร โปยเร โฆษกฝ่ายความมั่นคงรัฐบาลแถลงว่า ช่วง 6 เดือนหลังของปี 2010 เหตุฆาตกรรมจำกัดอยู่เฉพาะ 3 รัฐทางตอนเหนือเท่านั้น กล่าวคือ ชีวาวา, ตาเมาลีปัส และซีนาโลอา และอัตราการเกิดเหตุค่อยๆ ลดลงในช่วงปลายปี
ทว่า นักวิเคราะห์ในเม็กซิโกเองออกมาเตือนว่า อัตราเฉลี่ยการฆาตกรรม 1,000 รายต่อเดือนจะยังคงเกิดขึ้นอีกอย่างน้อยช่วงระยะหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อแก๊งค้ายาพยายามแผ่อิทธิพลในรัฐที่มีความสำคัญต่อการเลือกตั้งปีนี้ รวมทั้งการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2012
รัฐบาลพยายามยับยั้งกระบวนการค้ายาเสพติด โดยการเสียชีวิต หรือ การถูกจับกุมของหัวหน้าแก๊งแถวหน้ากว่าครึ่งจากจำนวน 37 แก๊งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เป็นหลักฐานว่า กลยุทธ์ของกัลเดรอนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก นั้นสัมฤทธิ์ผล อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เริ่มมาตรการดังกล่าวเมื่อปี 2006 แก๊งอาชญากรได้สังหารชีวิตผู้คนไปทั้งหมด 34,612 ราย ส่วนทางด้านองค์กรสิทธิมนุษยชนได้ตอกย้ำถึงการที่ประชาชนถูกเจ้าหน้าที่รัฐบาลละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน
ทั้งนี้ ทางการทราบข้อมูลตัวเลขการเสียชีวิตจากความรุนแรงมาโดยตลอด และได้สำทับว่า เหตุการณ์ทำนองนี้ล้วนเป็นผลมาจากความสิ้นหวังของแก๊งค้ายาที่เพิ่มสูงขึ้น
ท่ามกลางคำครหาถึงการประจำการของทหาร ประธานาธิบดีกัลเดรอนก็พยายามปฏิรูปวงการตำรวจ ที่มีชื่อเสียเรื่องคอร์รัปชัน ทว่ากลุ่มผู้สังเกตการณ์วิจารณ์ว่า การไล่เจ้าหน้าที่ออกพร้อมกันหลายร้อยคนทำให้เกิดสูญญากาศในการปกครอง
นอกจากนี้ ปีที่แล้วรัฐบาลเปิดตัวโครงการช่วยเหลือสังคม ด้วยการพัฒนาระบบสาธารณสุข และการศึกษาในชุมชนยากจน โดยเฉพาะในพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบหนัก อาทิ เมืองชิวดัดฮัวเรซ อย่างไรก็ตาม ยังมีเสียงสะท้อนว่า ความพยายามดังกล่าวเล็กน้อยและล่าช้าเกินไป เมื่อต้องเผชิญกับความรุนแรงไม่หยุดหย่อน และการคอร์รัปชันที่ฝังรากลึก อุปสรรคที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ เจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่น ระดับรัฐ และระดับรัฐบาลกลางขาดการประสานงานระหว่างกัน