เอเจนซี/เอเอฟพี – ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ จรดปากกาลงนามประกาศใช้กฎหมายประกันสุขภาพแล้วในวันอังคาร (23) โดยเห็นกันว่ากฎหมายที่เป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านนโยบายสังคมของอเมริกาครั้งมโหฬารที่สุดในรอบหลายสิบปีฉบับนี้ จะเป็นมรดกอันสำคัญชิ้นหนึ่งแห่งวาระการดำรงตำแหน่งของเขา และก็จะช่วยเพิ่มโอกาสที่พรรคเดโมแครตจะกุมเสียงในรัฐสภาต่อไป ทั้งนี้ผลโพลล่าสุดชี้ว่ามีคนอเมริกันที่สนับสนุนกฎหมายฉบับนี้ มากกว่าพวกที่คัดค้าน
“เราได้วางหลักการสำคัญสำเร็จลุล่วงลงแล้วในทันทีที่ผมลงนามในกฎหมายฉบับนี้ นั่นก็คือหลักการที่ว่า ทุกๆ คนควรมีความมั่นคงขั้นพื้นฐานในด้านการรักษาพยาบาล” โอบามากล่าวในพิธีลงนามที่ห้องอีสต์รูม ของทำเนียบขาว โดยมีสมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรสและผู้สนับสนุนอื่นๆ ร่วมเป็นสักขีพยาน หลังจากที่กฎหมายเช่นนี้มีการถกเถียงกันอย่างยืดเยื้อในรัฐสภามาหลายสิบปี
ทว่า มลรัฐ 14 แห่งของสหรัฐฯ ก็ได้ดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลเพื่อคัดค้านกฎหมายดังกล่าวทันที โดยอ้างว่าเป็นกฎหมายที่ลดทอนสิทธิของมลรัฐ ในขณะที่พวกรีพับลิกันในคองเกรสซึ่งคัดค้านกฎหมายดังกล่าวและมองว่าเป็นกฎหมายที่มีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป ก็ให้คำมั่นว่าจะต่อต้านกฎหมายดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ กฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่เป็นการยกเครื่องระบบประกันสุขภาพในสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าถึง 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ โดยที่จะขยายการประกันสุขภาพออกไปครอบคลุมประชากรอีก 32 ล้านคนที่ยังไม่มีประกันสุขภาพ อีกทั้งกฎหมายนี้ยังห้ามไม่ให้บริษัทประกันภัยปฏิเสธการรับประกันโดยอ้างผลการตรวจสุขภาพทางการแพทย์ก่อนทำประกัน นอกจากนั้นยังขยายโครงการประกันสุขภาพของภาครัฐออกไปให้กับคนยากจน และเก็บภาษีจากคนรวยเพิ่มขึ้น
กฎหมายฉบับนี้บังคับให้ประชาชนทุกคนต้องทำประกันสุขภาพ โดยกำหนดโทษปรับแก่ผู้ไม่ทำประกัน และจะจัดสรรเงินอุดหนุนจากรัฐบาลเพื่อช่วยครอบครัวที่มีรายได้ต่ำหรือปานกลางในการจ่ายเงินประกันด้วย
อย่างไรก็ตาม พรรครีพับลิกันซึ่งไม่สามารถสกัดพรรคเดโมแครตในการผ่านกฎหมายฉบับนี้เมื่อวันอาทิตย์ (21) ยังคงหวังว่าการที่สาธารณชนยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ในกฎหมายฉบับนี้จะทำให้รีพับลิกันมีชัยชนะในการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพฤศจิกายนปีนี้
หลังจากการประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ วุฒิสภาจะเริ่มถกเถียงกันถึงการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายนี้ โดยพวกรีพับลิกันยืนยันว่าจะคัดค้านเรื่องนี้ต่อไปอย่างเต็มที่ ในขณะที่ผู้นำฟากเดโมแครตก็มั่นใจว่าจะลงมติผ่านแผนการนี้ได้ โดยใช้ข้อกำหนดพิเศษที่ต้องการเสียงสนับสนุนเพียง 51 เสียงก็สามารถเสนอปิดการอภิปราย (แทนที่จะเป็น 60 เสียงตามปกติ) และทำให้สามารถผ่านกฎหมายที่มีการถกเถียงกันหนักมาก
อนึ่ง ผลสำรวจของยูเอสเอ ทูเดย์/แกลลัพ ที่นำออกเผยแพร่วันจันทร์ (22) หลังจากที่กฎหมายประกันสุขภาพผ่านการรับรองแล้วเมื่อวันอาทิตย์ ปรากฏว่าผู้ตอบแบบสอบถามราว 49 เปอร์เซ็นต์มองว่ากฎหมายฉบับนี้ “ดี” และ 40 เปอร์เซ็นต์มองว่า “ไม่ดี” ส่วนอีก 11 เปอร์เซ็นต์ไม่แสดงความเห็นเรื่องนี้
ทั้งนี้ เสียงสนับสนุนกฎหมายฉบับนี้ส่วนใหญ่มาจากผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครต โดยมี 79 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่า “เห็นชอบ” ส่วนในกลุ่มผู้สนับสนุนอิสระนั้นให้การสนับสนุนกฎหมายดังกล่าวราว 46 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันเพียง 14 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เห็นด้วยกับกฎหมายนี้