xs
xsm
sm
md
lg

สภาคองเกรสผ่านแผนปฏิรูปสวัสดิการสังคมครั้งประวัติศาสตร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ หลังการออกเสียงสนับสนุนแผนปฏิรูปสวัสดิการสังคมครั้งใหญ่
เอเอฟพี/เอเจนซี - สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงมติผ่านร่างกฎหมายยกเครื่องสวัสดิการสังคมครั้งประวัติศาสตร์ โดยจะขยายประกันสังคมให้ครอบคลุมชาวอเมริกันเกือบทุกคน และยังนับเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ด้วย

สำหรับการลงมติ ซึ่งต่อสู้ฝ่าฟันกันมาอย่างสาหัส ในที่สุด สมาชิกสภานิติบัญญัติก็เห็นชอบนโยบายการเปลี่ยนแปลงสัวสดิการสังคมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี ด้วยคะแนนเสียง 219 ต่อ 212 เสียง หลังร่างกฎหมายฉบับนี้ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภามาก่อนหน้า และรอเพียงให้โอบามาลงนามบัญญัติเป็นกฎหมายเท่านั้น

ขณะที่พรรคเดโมแครตใช้ความได้เปรียบในการเป็นเสียงข้างมากในสภาบีบให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านไปได้ แม้จะเสียคะแนนเสียงจากสมาชิกหัวอนุรักษนิยม 34 เสียงที่หันไปเข้าข้างพรรครีพับลิกันคัดค้านแผนนี้ ด้วยความกังวลว่าจะนำไปสู่ความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งกลางเทอมเดือนพฤศจิกายนนี้

แผนปฏิรูปสวัสดิการสังคม ซึ่งถือเป็นนโยบายภายในประเทศที่สำคัญอันดับต้นๆ ของโอบามานั้น จะดำเนินการขยายโครงการทางด้านสาธารณสุขให้ครอบคลุมชาวอเมริกัน 32 ล้านคนที่ยังไม่ได้รับความดูแล อีกทั้งยังจะเรียกเก็บภาษีคนรวย และยังห้ามบริษัทประกันเอกชนปฏิเสธผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ หรือกำหนดช่วงอายุผู้ทำประกัน เป็นต้น

ประธานาธิบดี โอบามา แถลงจากทำเนียบขาว ไม่นานหลังสภาผู้แทนฯ ผ่านแผนปฏิรูปประกันสังคมครั้งนี้ว่า “นี่คือสิ่งที่เรียกว่าการเปลี่ยนแปลง”

“คืนนี้ เราได้ตอบรับข้อเรียกร้องครั้งประวัติศาสตร์ที่ชาวอเมริกันมากมายมีมาก่อนหน้านี้ เราไม่ได้หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ เราอ้าแขนรับมันต่างหาก เราไม่ได้กลัวอนาคตของเรา แต่เราจะกำหนดมันเอง” เขากล่าว โดยมีรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน ยืนอยู่เคียงข้าง

นอกจากนี้ ชัยชนะเหนืออุปสรรคในครั้งนี้ ยังทำให้มั่นใจว่าพันธมิตรในพรรคเดโมแครตของโอบามา สามารถรวบรวมคะแนนเสียง 216 เสียง ที่จำเป็นในการผ่านกฎหมายไปได้อย่างฉลุย ขณะที่โอบามาเดิมพันไว้กับประสิทธผล หรือแม้แต่เส้นทางการเมืองในอนาคตของเขาด้วย

การลงมติของสภาผู้แทนฯ ในครั้งนี้ โอบามา เรียกว่า เป็นการปฏิรูปประกันสังคมที่ยากเย็นที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งกินเวลายืดเยื้อมานานนับร้อยปี ตั้งแต่มีการเสนอครั้งแรกในสมัยประธานาธิบดี ธีโอดอร์ รูสเวลต์
กำลังโหลดความคิดเห็น