สหรัฐฯประณามจีน-เกาหลีเหนือ-อิหร่าน ละเมิดสิทธิมนุษยชน

เอเอฟพี - สหรัฐฯ กล่าวหาว่า จีน และ อิหร่าน ละเมิดสิทธิมนุษยชนมากยิ่งขึ้น ขณะที่สถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยนชนในเกาหลีเหนือ พม่า และ คิวบา ยังน่าผิดหวัง ทั้งยังเตือนว่าแนวคิดต่อต้านชาวยิวในทั่วโลก และการเลือกปฏิบัติต่อชาวมุสลิมในยุโรปน่าวิตกกังวลมากยิ่งขึ้นด้วย



กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานประจำปี 2009 ว่าด้วยเรื่องสิทธิมนุษยชนใน 194 ประเทศ ระบุว่า ทางการจีนยังคงกดขี่ชนกลุ่มน้อยในมณฑลซินเจียง ทางตะวันตกของประเทศ ที่ชนส่วนใหญ่ชาวฮั่น ปะทะกับชนกลุ่มน้อยชาวอุยกูร์ จนทำให้มีการเสียเลือดเสียเนื้อ เมื่อปีที่ผ่านมา ขณะที่การควบคุมตัวและข่มขู่นักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนก็เพิ่มมากขึ้น นักกฎหมายสาธารณะ และสำนักงานกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสิทธิมนุษยชนก็เสี่ยงที่จะถูกเพิกถอนการว่าความ ถูกสั่งปิด หรือถูกข่มขู่ด้วย

รายงานยังระบุว่า รัฐบาลจีนยังใช้อำนาจควบคุมชาวทิเบตอย่างเข้มงวด โดยชาวทิเบตเผชิญกับข้อจำกัดในการนับถือศาสนา และเผชิญกับการตอบโต้อย่างรุนแรง หากพวกเขาถูกจับได้ว่าพยายามหนีไปเนปาล

รายงานของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังประณามสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือ ว่า “น่าเวทนา” โดยชี้ว่า ระบอบเผด็จการแบบสตาลินของคิมจองอิล ผู้นำเกาหลีเหนือ เกี่ยวพันกับการประหัตประหาร การทรมาน การบีบให้ทำแท้ง และการฆ่าเด็กทารก ส่วนในพม่า รายงานระบุว่า รัฐบาลทหารพม่ายังคงละเมิดสิทธิมนุษยชน “อย่างมหันต์” รวมถึงการที่ทหารพม่าโจมตีชนกลุ่มน้อยในต่างๆ เช่น ในรัฐกระเหรี่ยง และรัฐฉาน นอกจากนั้น พม่ายังจำคุก และละเมิดสิทธิมนุษยชนฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองต่อไปอีกด้วย

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังกล่าวหาว่า สถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในอิหร่าน ซึ่งเดิมย่ำแย่อยู่แล้ว กลับยิ่งเลวร้ายมากขึ้นในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกองกำลังอิหร่านปราบปรามผู้ประท้วงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี จนทำให้มีผู้เสียฃีวิตจำนวนมากในเดือนมิถุนายน

นอกจากนี้ อิหร่าน ยังถูกกล่าวถึงว่า เป็นตัวอย่างหนึ่งของรัฐบาลที่โหมกระพือกระแสต่อต้านลัทธิไซออนนิสต์ของชาวยิวด้วย โดยอิหร่านมีวิธีแฝงเร้นใหม่ๆ ในการโจมตีลัทธิไซออนนิสต์ และนโยบายของอิสราเอลอยู่บ่อยครั้ง ขณะที่อียิปต์ พันธมิตรของสหรัฐฯเอง ก็ถูกตำหนิเรื่องนี้เช่นกัน

“รูปแบบทั้งแบบใหม่และดั้งเดิมในการต่อต้านลัทธิไซออนนิสต์ยังคงมีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่อิสราเอลเปิดฉากโจมตีนักรบปาเลสไตน์เป็นระยะเวลา 3 สัปดาห์ในฉนวนกาซา เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2008” รายงานกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯระบุ

รายงานพบว่า สิทธิมนุษยชนในบางประเทศในเอเชียใต้ดีขึ้น เช่น ใน บังกลาเทศ ภูฏาน มัลดีฟส์ และเนปาล ที่มีประธาธิปไตยที่แข็งแกร่ง แต่ในเวียดนาม ทางการปราบปรามผู้ต่อต้านรัฐบาลมากขึ้นในปีที่ผ่านมาด้วย ส่วนในละตินอเมริกา รายงานระบุว่า คิวบา ยังคงปฏิเสธการให้สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน รวมถึงสิทธิในการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลของพวกเขา รวมถึงมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน “จำนวนมากและอย่างรุนแรงด้วย”

สำหรับ เวเนซุเอลา รายงานพบว่า การเมืองในระบบตุลาการ การข่มขู่เจ้าหน้าที่รัฐ และพรรคฝ่ายค้านเข้มข้นยิ่งขึ้น ส่วนในทวีปแอฟริการายงานพบการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างชัดเจนในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ไนจีเรีย ซูดาน รวมถึงประเทศต่างๆ ที่มีความขัดแย้งภายในประเทศด้วย

ทั้งนี้ รายงานกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังแสดงความกังวลที่องค์กรนอกภาครัฐต่างๆ ถูกปราบปรามมากยิ่งขึ้น รวมถึงการดำเนินคดีกับองค์กรของพวกชนกลุ่มน้อย ตลอดจนการจำกัดเสรีภาพของสื่อ ซึ่งรวมถึงสื่ออินเทอร์เน็ตด้วย