ไทยชี้ชะตาคดีลอบขนอาวุธจากเกาหลีเหนือสัปดาห์หน้า

เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรีของไทยเผยว่า จะตัดสินในสัปดาห์หน้าว่า จะดำเนินคดีกับนักบินชาวเบราลุส และลูกเรือชาวคาซัคสถานอีก 4 คนหรื่อไม่ หลังจากเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาพวกเขาถูกสกัดจับระหว่างลอบขนอาวุธมาจากเกาหลีเหนือไปยังปลายทางหนึ่ง ซึ่งละเมิดมติของสหประชาชาติ

นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เผยกับผู้สื่อข่าววันนี้(4) ว่า อัยการสูงสุดจะตัดสินใจว่าจะดำเนินคดีนี้ต่อไปหรือไม่ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งเป็นช่วงยืดระยะเวลาในการควบคุมผู้ต้องสัยทั้ง 5 คนในช่วงที่ 5 หลังจากพวกเขาถูกจับและตั้งข้อหาครอบครองและลอบขนอาวุธผิดกฏหมาย รวมถึงผลิตภัณฑ์ฑ์ต้องห้ามต่างๆ โดยไม่รายงานให้ทราบ

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ปีที่แล้วเจ้าหน้าที่ไทยยึดอาวุธต่างๆ รวมถึงกระสุนปืน และระเบิดแสวงเครื่องจากเครื่องบินอิลยูชิน- 76 ซึ่งลงจอดเพื่อเติมเชื้อเพลิงที่สนามบินดอนเมืองในกรุงเทพฯ พร้อมกับนักบินชาวเบราลุส และลูกเรือชาวคาซัคสถาน 4 คน

ทั้งรัฐบาลเบลารุส และคาซัคสถาน ต้องการให้ทางการไทยปล่อยตัวพลเรือนของตน และขอนำตัวพวกเขากลับไปดำเนินคดีในประเทศบ้านเกิด อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ระบุว่า ขึ้นอยู่กับอัยการสูงสุดของไทยว่าจะตัดสินอย่างไร

ด้านนายกษิต ภิรมย์ กล่าวระหว่างอยู่ในกรุงเจนีวาในสัปดาห์นี้ว่า รัฐบาลไทยชี้แนะให้สำนักงานอัยการสูงสุดปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยทั้งหมด ซึ่งขัดแย้งกับคำพูดของนายปนิธาน วัฒนายากร โฆษกรัฐบาล ซึ่งกล่าวว่า รัฐบาลไทยไม่อยู่ในสถานะที่จะเข้าไปแทรกแซงการตัดสินใจของศาลได้

ทั้งนี้ เครื่องบินอิลยูชินผลิตโดยรัสเซีย ถูกเจ้าหน้าที่ไทยขอให้แล่นลงจอดที่ดอนเมือง โดยผู้ต้องสงสัยอ้างว่ากำลังบรรทุกอุปกรณ์ขุดเจาะน้ำมันไปยูเครน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สอบสวนพบ แผนการเดินทางซึ่งแสดงให้เห็นว่า พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปอิหร่าน ขณะที่เมื่อเดือนที่แล้ว เดนนิส แบลร์ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯระบุว่า เครื่องบินลำนี้มีปลายทางไปยังตะวันออกกลาง แต่ไม่ทราบว่าเป็นประเทศใด

สหประชาชาติลงมติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือหนักขึ้นยิ่งขึ้น เมื่อเดือนมมิถุนายนที่ผ่านมา ห้ามเกาหลีเหนือส่งออกอาวุธทุกชนิด หลังจากเกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธและระเบิดนิวเคลียร์ ขณะที่เชื่อว่า นับเป็นครั้งแรกที่ยึดอาวุธที่มาจากเกาหลีเหนือได้ในประเทศไทย