เอเอฟพี - นายใหญ่ด้านข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐฯ เผย อาวุธผิดกฎหมายน้ำหนักประมาณ 30 ตันจากเกาหลีเหนือที่ถูกยึดได้ในประเทศไทย มีจุดหมายปลายทางนำไปส่งที่ตะวันออกกลาง และนับเป็นครั้งแรกที่จับได้ว่า ทางการโสมแดงละเมิดมติสหประชาชาติซึ่งสั่งห้ามเกาหลีเหนือส่งออกอาวุธทุกชนิด
เดนนิส แบลร์ ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐฯ เขียนแสดงความเห็นลงในหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ เมื่อวันศุกร์(18) โดยระบุว่า หน่วยงานหลายแห่งของสหรัฐฯ ได้ประสานความร่วมมือระหว่างกันและกับหุ้นส่วนในต่างประเทศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสามารถนำไปสู่การสกัดกั้นการลักลอบขนอาวุธของเกาหลีเหนือไปยังตะวันออกกลางได้สำเร็จ
ความเห็นของแบลร์ ถือเป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับจุดหมายปลายทางของอาวุธที่ถูกยึดได้ในประเทศไทย และเป็นการยืนยันอย่างเป็นทางการครั้งแรกว่าสหรัฐฯมีบทบาทในกรณีนี้
กระแสข่าวเรื่องอาวุธดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อเครื่องบินบรรทุกสินค้าที่ลักลอบขนอาวุธสงครามน้ำหนักกว่า 30 ตัน ได้เข้ามาแวะจอดเติมน้ำมันที่ดอนเมือง และเจ้าหน้าที่ไทยได้เข้าตรวจค้นและจับกุมผู้อยู่บนเครื่องบิน ซึ่งเป็นชาวคาซัคสถาน 4 คนกับชาวเบลารุส 1 คนเอาไว้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (11) โดยอาวุธสงครามดังกล่าวมีทั้งขีปนาวุธและระเบิดอาร์พีจีจำนวนมาก ส่วนเครื่องบินลำดังกล่าวออกเดินทางจากกรุงเปียงยางของเกาหลีเหนือ
ก่อนหานี้ นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ระบุว่าอาวุธทั้งหมดมีต้นทางมาจากบริษัทแห่งหนึ่งของเกาหลีเหนือ แต่ไม่ทราบจุดหมายปลายทางชัดเจน อย่างไรก็ตาม นี่นับเป็นครั้งแรกที่ยึดอาวุธได้จากเกาหลีเหนือ หลังจากสหประชาติลงมติ 874 ห้ามการส่งออกอาวุธของเกาหลีเหนือ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากเกาหลีเหนือทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไทยระบุว่า จะบังคับใช้กฎหมายกับเกาหลีเหนือที่ละเมิดมติดังกล่าว
ด้านเดนนิส กล่าวว่า การยึดอาวุธดังกล่าวแสดงถึงการปรับปรุงความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานด้านข่าวกรอง 16 แห่ง หลังจากที่หน่วยงานเหล่านี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าขาดความร่วมมือกันซึ่งนำไปสู่การโจมตีของผู้ก่อการร้ายเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001