เอเจนซี/เอเอฟพี - ความช่วยเหลือของนานาชาติเข้าไปถึงมือชาวเฮติได้มากขึ้นเมื่อวานนี้ (17) แม้ยังคงไม่เพียงพอและไม่ทั่วถึง หน่วยกู้ภัยของหลายประเทศคืบคลานผ่านซากปรักหักพังของกรุงปอร์โตแปรงซ์และยังสามารถดึงลากเอาผู้รอดชีวิตออกมา อย่างไรก็ตาม ตามท้องถนนในเมืองหลวงที่ถูกทำลายยับเยินแห่งนี้ ผู้คนจำนวนมากยังคงเฝ้ารอสิ่งของจำเป็นทั้งอาหาร, น้ำ, และยา โดยที่เลขาธิการยูเอ็นซึ่งกำลังเดินทางไปเยือนที่นั่นก็ยอมรับว่า ภัยพิบัติคราวนี้เป็น “วิกฤตทางมนุษยธรรมที่ร้ายแรงที่สุด” เท่าที่สหประชาชาติเคยประสบมาในรอบหลายสิบปี
เวลาผ่านไป 5 วันแล้วภายหลังแผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 7.0 ริกเตอร์ ซึ่งสังหารผู้คนไปมากมายโดยหวั่นเกรงกันว่าอาจจะถึงระดับ 200,000 คน ทีมกู้ภัยของนานาชาติก็ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังของอาคารต่างๆ ในกรุงปอร์โตแปรงซ์
เอลิซาเบธ ไบร์ส โฆษกสำนักงานสหประชาชาติเพื่อการประสานงานกิจการด้านมนุษยธรรม แถลงว่าเมื่อวันเสาร์(16) ทีมกู้ภัยช่วยเหลือคนรอดชีวิตออกมาได้อีก 12 คน รวมแล้วตั้งแต่ที่ทีมนานาชาติเริ่มปฏิบัติการมา สามารถช่วยผู้รอดชีวิตได้แล้วกว่า 70 คน
ทั้งนี้ ทีมนานาชาติที่มีกันอยู่ 43 ทีมประกอบด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัย 1,739 คน และสุนัขอีก 161 ตัว ได้ค้นหาตามพื้นที่ซึ่งถูกฤทธิ์แผ่นดินไหวรุนแรงที่สุดไปประมาณ 60% แล้ว และมีทหารอเมริกันราว 10,000 คนกำลังถูกส่งมาช่วยเหลือและรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายทั้งหลาย
รัฐมนตรีต่างประเทศ ฮิลลารี คลินตัน ของสหรัฐฯ ซึ่งแวะมาเยือนกรุงปอร์โตแปรงซ์ในวันเสาร์(16) แถลงว่า สหรัฐฯขอให้การยืนยันแก่ชาวเฮติว่า ประเทศชาติของพวกเขาจะผงาดขึ้นมาจากภัยพิบัติคราวนี้ในสภาพที่ “แข็งแรงขึ้นและดีขึ้น”
“เราจะอยู่ที่นี่ในวันนี้ วันพรุ่งนี้ และในเวลาต่อไปข้างหน้า” เธอกล่าวภายหลังพบหารือกับประธานาธิบดีเรอเน เพรวาล ของเฮติที่สนามบิน
สนามบินปอร์โตแปรงซ์แห่งนี้มีขนาดเล็กและหอบังคับการบินก็ได้รับความเสียหาย เวลานี้การควบคุมการจราจรทางอากาศที่นี่ได้โอนมาอยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพสหรัฐฯแล้ว โดยที่ได้รับการสนับสนุนจากเรือบรรทุกเครื่องบิน คาร์ล วินสัน ของสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่งเดินทางมาถึงบริเวณนอกชายฝั่งเฮติในวันศุกร์(15) โดยบรรทุกเฮลิคอปเตอร์มาด้วยหลายลำ
เฮลิคอปเตอร์นาวีอเมริกันเหล่านี้กำลังนำเอาน้ำและอาหารปันส่วนของทหารขึ้นบก และรับเอาผู้ได้รับบาดเจ็บไปส่งที่โรงพยาบาลสนามแห่งหนึ่งใกล้ๆ สนามบิน
นอกจากนั้น องค์การกาชาดอเมริกันแถลงว่า กำลังใช้ขบวนรถบรรทุกลำเลียงโรงพยาบาลสนามขนาด 50 เตียง และอุปกรณ์กรองน้ำสะอาด โดยใช้เส้นทางผ่านสาธารณรัฐโดมินิกัน ที่เป็นเพื่อนบ้านของเฮติ ซึ่งเมื่อมาถึงแล้วก็จะเริ่มการแจกจ่ายน้ำสะอาดและความช่วยเหลือเบื้องต้นในปอร์โตแปรงซ์ต่อไป
อย่างไรก็ตาม การให้ความช่วยเหลือแก่เฮติยังคงเผชิญกับอุปสรรคมากมาย บันคีมุน เลขาธิการสหประชาชาติกล่าวขณะกำลังออกเดินทางมุ่งสู่กรุงปอร์โตแปรงซ์เมื่อวานนี้ว่า เหตุแผ่นดินไหวที่เฮติคราวนี้ถือเป็น “วิกฤตด้านมนุษยธรรมครั้งร้ายแรงที่สุด” เท่าที่ยูเอ็นเคยประสบมาในรอบระยะหลายสิบปีทีเดียว
เจ้าหน้าที่ยูเอ็นหลายรายเปิดเผยว่า ในเมืองเลโอกาเน ซึ่งอยู่ทางใต้ของเมืองหลวงปอร์โตแปรงซ์ และเป็นพื้นที่จุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวคราวนี้ น่าจะมีผู้เสียชีวิตระหว่าง 20,000-30,000 คน โดยถนนแทบจะทุกสายในเมืองนี้ล้วนพังราบ ก่อนหน้านี้ความช่วยเหลือของนานาชาติรวมศูนย์อยู่ที่เมืองหลวง และเพิ่งเริ่มไปถึงที่เมืองนี้ในช่วงวันสองวันนี้เอง
กระทั่งในกรุงปอร์โตแปรงซ์ ผู้คนนับแสนๆ ที่หิวโหยก็ยังคงต้องรอคอยความช่วยเหลืออย่างสิ้นหวัง เนื่องจากยังเกิดปัญหาติดขัดในด้านการขนส่งและการแจกจ่ายความช่วยเหลือ ทำให้สิ่งของบรรเทาทุกข์ส่วนใหญ่ยังไปไม่ถึงผู้ประสบภัยจำนวนมาก ขณะที่ผู้รอดชีวิตจากธรณีพิโรธเหล่านี้ต้องพักอาศัยกันตามค่ายพักที่สร้างขึ้นอย่างหยาบๆ ตามท้องถนนที่ยังคงเกลื่อนไปด้วยเศษซากอาคารและศพผู้เสียชีวิตที่กำลังเน่าเปื่อยอยู่ทุกขณะ
มีรายงานเรื่องฝูงชนแย่งชิงอาหารและน้ำ ซึ่งขนมาโดยเฮลิคอปเตอร์ทหารสหรัฐฯ เฮลิคอปเตอร์เหล่านี้บางลำใช้วิธีโยนกล่องบรรจุขวดน้ำดื่มและอาหารปันส่วนของทหาร ลงมาให้ฝูงชนที่วิ่งแย่งกันอุตลุด เอสติเม ปิแอร์ เดนี ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งเล่าว่า ได้เห็นพวกเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือที่เป็นคนต่างชาติ เร่งโยนเอาถุงบรรจุอาหารลงไปให้ชาวเฮติที่กลุ้มรุมล้อมเข้ามา
“การแจกจ่ายเป็นไปอย่างมีไม่มีระเบียบไม่มีการจัดองค์กรโดยสิ้นเชิง พวกเขาไม่ได้มีการแยกแยะเลยว่าคนไหนที่จำเป็นต้องได้น้ำดื่ม คนป่วยและคนแก่ไม่มีโอกาสที่จะได้รับเลย” เดนีกล่าวขณะยืนอยู่ข้างหลังฝูงชนที่กำลังค้นหาน้ำดื่ม
ในสภาพที่แทบไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย จึงมีพวกปล้นชิงข้าวของแห่กันเจาะทุบเข้าไปในอาคารร้านค้าที่พังลงมา ณ ย่านธุรกิจหลักของปอร์โตแปรงซ์ แล้วก็ฉกเอาเสื้อยืด, กระเป๋า, ของเล่น, และทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาค้นเจอ นอกจากนั้นยังเกิดการต่อสู้กันระหว่างกลุ่มปล้นชิงต่างๆ ที่ใช้มีด, เหล็กคีมน้ำแข็ง, ค้อน และก้อนหินเป็นอาวุธ
มีเหตุปล้นชิงข้าวของในปอร์โตแปรงซ์ตั้งแต่ที่เกิดแผ่นดินไหวในวันอังคาร(12) แล้ว ทว่ายังอยู่ในสภาพเป็นจุดๆ ไม่กว้างขวางใหญ่โต ขณะที่ในวันเสาร์ เกิดเหตุเช่นนี้อย่างแพร่หลายมากขึ้น เนื่องจากผู้คนดูจะยิ่งรู้สึกอับจนหมดหวัง
มีชาวเฮติจำนวนมากตัดสินใจเดินทางออกไปจากเมืองด้วยการเดินเท้า โดยทูนกระเป๋าข้าวของเอาไว้บนศีรษะ หรือไม่ก็ทนอัดแอยู่ในรถราต่างๆ เพื่อไปเสาะหาอาหารและที่พักอาศัยในเขตชนบท และหลบหนีออกจากภาวะอาฟเตอร์ช็อกตลอดจนความรุนแรงในปอร์โตแปรงซ์
ยังมีคนอื่นๆ อีกจำนวนมากเดินทางไปยังสนามบินจนแน่นขนัด ด้วยความหวังที่จะได้ขึ้นเครื่องบินขนส่งซึ่งนำข้าวของช่วยเหลือมาส่งให้เฮติ