เอเอฟพี - ราคาน้ำมันทะยานเหนือ 83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือนเมื่อวันพุธ(6) หลังได้แรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่า ขณะที่วอลล์สตรีทวอลล์สตรีทขยับเล็กน้อย ถูกฉุดโดยตัวเลขทางเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังของภาคแรงงาน
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 1.41 ดอลลาร์ ปิดที่ 83.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากช่วงหนึ่งของการซื้อขายทะยานไปถึง 83.52 ดอลลาร์ สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2008 ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 81.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
หลังจากการซื้อขายแกว่งตัวลงไปในแดนลบช่วงหนึ่ง สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ก็สามารถถีบตัวขึ้นตามหลังดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร
ความเคลื่อนไหวของตลาดน้ำมันสวนทางกับรายงานของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ที่ระบุเมื่อวันพุธ(6) ว่าคลังน้ำมันดิบของประเทศเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 1 มกราคม ขณะที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าจะลดลง 300,000 บาร์เรล
ทั้งนี้แม้ว่าคลังน้ำมันกลั่น -- ประกอบด้วยน้ำมันทำความร้อนและดีเซล -- ร่วงลง 300,000 บาร์เรล แต่ก็น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าจะลดลง 1.8 ล้านบาร์เรลท่ามกลางอากาศหนาวจัดที่เล่นงานภาคต่างๆของสหรัฐฯ
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขยับเล็กน้อยเมื่อวันพุธ(6) หลังนักลงทุนตรึกตรองรายงานอันน่าผิดหวังของการปลดคนงานภาคเอกชนและอัตราคนว่างที่อยู่ในระดับสูง
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 1.36 จุด (0.01 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 10,573.38 จุด แนสแดค ลดลง 7.62 จุด (0.33 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,301.09 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 0.51 จุด (0.04 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,137.03 จุด
รายงานของADP ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้บริการด้านข้อมูลจ้างงานของสหรัฐฯ เปิดเผยก่อนตลาดเปิดว่าตัวเลขปลดคนงานนอกภาคการเกษตรอยู่ที่ 84,000 ตำแหน่งในเดือนธันวาคม ลดลงน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2008
ตัวเลขดังกล่าวได้ก่อความผิดหวังแก่นักลงทุน เนื่องจากนักวิเคราะห์คาดหมายว่าจะมีการปลดคนงานนอกภาคการเกษตรจะลดลงเหลือ 75,000 ตำแหน่ง