xs
xsm
sm
md
lg

สื่อนอกย้อนดูประวัติ “นช.ทักษิณ” : พ่อมดเร่รอน ผู้ทำให้สังคมไทยแตกแยก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทักษิณ เข้าพักที่บ้าน ซึ่งนายกรัฐมนตรีฮุนเซน จัดไว้ให้ในกรุงพนมเปญ สำหรับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลเขมร นักวิเคราะห์ระบุว่า ความเคลื่อนไหวนี้มีเป้าหมายกลับมาบ้านแบบผู้มีชัยที่ทักษิณหวังไว้
เอเอฟพี - สำนักข่าวเอเอฟพี ย้อนดูประวัติ “ทักษิณ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีไทย ผู้ถูกโค่นล้มอำนาจ ระบุ เขายังคงเติมเชื้อเพลิงสร้างความปั่นป่วนทางการเมืองและในสังคมไทยต่อไป ขณะที่ยังตระเวนไปทั่วโลก เพื่อหนีโทษจำคุกในข้อหาคอร์รัปชัน ชี้ เป็นคนสำคัญที่โลกยังต้องจับตา

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งก็คือ การเดินทางมากัมพูชา เพื่อรับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลเขมร ยั่วยุศัตรูทางการเมืองในรัฐบาลไทย และทำให้เกิดความบาดหมางทางการทูตระหว่างประเทศทั้งสองที่เปราะบางอยู่แล้ว จากกรณีข้อพิพาทในการแบ่งปันเขตแดนเขาพระวิหาร

นั่นถือว่าเป็นผลงานชิ้นโบแดงในรอบประมาณ 1 ปี ของอดีตนายตำรวจที่ผันตัวเองมาเป็นพ่อมดวงการโทรคมนาคม ก่อนจะหันมาเป็นนักการเมือง ซึ่งมีเป้าหมายกลับมาบ้านแบบผู้มีชัยชนะ หลังจากถูกรัฐประหารโค่นล้มลงจากอำนาจเมื่อกว่า 3 ปีก่อน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะได้รับความนิยมมาตลอดในสังคมไทยจำนวนมาก นักวิชาการ ระบุว่า เขาเสี่ยงที่จะสูญเสียแรงสนับสนุน หากเขาลงเดิมพันโชคชะตาของตัวเองกับประเทศที่ไทยต้องสู้อย่างเผชิญหน้าจนเสียเลือดเสียเนื้อมาตั้งแต่อดีต

“เขากำลังทำสงครามครูเสด แต่การใช้ศักดิ์ศรีของชาติไทยมาเป็นหลักประกัน เรื่องนี้ แม้แต่ตัวผู้สนับสนุนของเขาเอง ยังอาจจะต้องคิดก่อนสองรอบ” นายฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ ผู้เชี่ยวชาญทางรัฐศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความเห็น

ทักษิณ วัย 60 ปี กลายเป็นนักโทษหนีคดีในเดือนสิงหาคม 2008 ตอนนั้นเขากลับประเทศจากการไปร่วมชุมนุมในโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่งไม่ได้ ช่วงนั้นยังเป็นช่วงก่อนศาลจะสั่งยึดทรัพย์สิน และลงโทษจำคุกเขา 2 ปีในคดีขายหุ้นบริษัทโดยมิชอบ

เขาเพิ่งจะได้กลับมายังบ้านเกิดไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ หลังจากลี้ภัยอยู่ต่างประเทศเกือบ 2 ปี หลังจากรัฐประหารในปี 2006

ตั้งแต่ปีที่แล้ว ทักษิณ หย่าขาดจากภรรยา และได้รับหนังสือเดินทางใหม่จากหลายประเทศ รวมถึง นิการากัว และ มอนเตเนโกร ขณะที่ตัวเองเดินทางท่องโลกเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ ทั้งในกิจการเหมืองแร่หลายแห่งในแอฟริกา และบทบาทในฐานะที่ปรึกษา

ตลอดต้นปีที่ผ่านมา รัฐบาลของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ล้มเหลวในการขอส่งตัวทักษิณเป็นผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างที่ทักษิณมาเยือนฮ่องกง อดีตนายกรัฐมนตรีผู้นี้ ระบุว่า เขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่นครดูไบ แต่ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ดูเหมือนว่า ทักษิณไม่เคยอยู่ไกลออกไปจากวงการเมืองไทย เขาเร้าอารมณ์ให้ “กลุ่มคนเสื้อแดง” ประท้วงครั้้งใหญ่ๆ และไม่นานมานี้ก็เปิดใช้บริการเว็บไซต์ทวิตเตอร์

กลุ่มคนเสื้อแดงทำให้ต้องยกเลิกการประชุมอาเซียน ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา นำไปสู่การการจลาจลในกรุงเทพฯ ซึ่งสงบลงได้ก็เพราะคำขู่ว่า กองทัพจะใช้มาตรการเด็ดขาดเข้าปราบปราม

การประท้วงและเดินขบวนจากกลุ่มที่ต่อต้านเขาก็ควบคุมไม่อยู่พอๆ กัน กลุ่มพันธมิตรฯ (คนเสื้อเหลือง) บุกปิดสนามบินในเดือนพฤศจิกายน-เดือนธันวาคม 2008 เพื่อพยายามกดดันให้รัฐบาลซึ่งเป็นพันธมิตรของทักษิณ ก้าวลงจากอำนาจ

การประท้วงจากฝ่ายตรงข้ามของเขา แสดงให้เห็นรอยร้าวอย่างชัดเจนระหว่างคนรวยและคนจนในสังคมไทย ซึ่งทักษิณพยายามใช้ประโยชน์จากการที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวที่มาจากการเลือกตั้งถึง 2 สมัยของประเทศบ้าง

กระนั้น ชื่อเสียงในฐานะผู้นำจอมเผด็จการที่โกงกิน ทำให้เขาเป็นบุคคลที่น่ารังเกียจในหมู่ชนชั้นนำของไทย แต่ก็หมายความว่า มีเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับคนส่วนใหญ่ที่เป็นคนจนในชนบท ซึ่งยังคงมองว่าเขาเป็นเสมือน “วีรบุรุษ”

ทักษิณ เกิดเมื่อ 26 กรกฎาคม 1949 ในครอบครัวชนกลุ่มน้อยชาวจีน ที่มีหน้ามีตาในจังหวัดเชียงใหม่

เขาเข้าร่วมงานกับกรมตำรวจ ในปี 1973 แต่ไม่นานก็ลงมือสร้างธุรกิจ ที่ต่อมากลายเป็นบริษัท ชินคอร์ป ยักษ์ใหญ่ในวงการโทรคมนาคมของประเทศ

เขาเป็นนักธุรกิจที่มีตราประทับว่า ช่ำชอง และซื้อสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซีตี แต่ท้ายที่สุดก็ต้องขายออกไป หลังจากศาลไทยสั่งยึดทรพัย์สินของเขา

ในปี 1998 ทักษิณก้าวเข้าสู่การเมือง เขาตั้งพรรคของตัวเองขึ้น (ไทยรักไทย) โดยหว่านเสนห์กับผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนว่า ตัวเองเชี่ยวชาญด้านธุรกิจ และจากนโยบายประชานิยม ซึ่งรวมถึงการบริการด้านสาธารณสุขราคาถูก และโครงการกองทุนหมู่บ้านและสินเชื่อรายย่อย

อย่างไรก็ตาม การกระทำของเขาในการแต่งตั้งญาติมิตรให้ดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ของประเทศ ทำให้ฝ่ายต่อต้านเขาโกรธกริ้ว ขณะที่สงครามต่อต้านยาเสพติดในปี 2003 ของเขา ก็ทำให้นักสิทธิมนุษยชนไม่พอใจ โดยระบุว่า มีคน “ถูกฆ่าตัดตอน” นอกเหนืออำนาจกฎหมายไปกว่า 2,200 คน

ผลประโยชน์ที่ทักษิณได้รับระหว่างดำรงตำแหน่ง ทำให้ศัตรูของเขาใช้เป็นเหตุผลในการชุมนุมไปทั่ว จนนำนำไปสู่การประท้วงของ “กลุ่มคนเสื้อเหลือง” และรัฐประหารในปี 2006 กระนั้น เขายังคงเป็น “คนสำคัญ” ที่ต้องจับตากันต่อไปในสังคมไทย

กำลังโหลดความคิดเห็น