เอเอฟพี - หญิงชราชาวสิงคโปร์ วัย 75 ปี ได้บริจาคไตข้างหนึ่งของตนเอง เพื่อช่วยชีวิตลูกสาวที่กำลังป่วยหนัก ถือเป็นผู้บริจาคอวัยวะที่มีอายุมากที่สุดในประเทศ
ทางโรงพยาบาลสิงคโปร์เจเนรัล ซึ่งทำการผ่าตัดเคสดังกล่าวเมื่อ 2 เดือนก่อน เคยแถลงว่า ฉีเหลียงยินและเชอร์ลีย์ ลู วัย 46 ปี มีอาการดีขึ้น หลังเข้ารับการผ่าตัด
อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดเปลี่ยนไตครั้งนี้เกือบจะไม่เกิดขึ้น เนื่องจากฝ่ายลูกสาวกังวลว่า มารดาแก่ชรามากเกินกว่าจะเข้ารับการผ่าตัด
“ฉันต้องต่อว่าและโน้มน้าวใจลูก ลูกต้องยอมรับ แม่แก่ชรามากแล้ว ไม่เป็นไรหรอก” หนังสือพิมพ์เดอะสเตรทส์ไทมส์รายงานคำพูดของฉีเหลียงยิน
“ลูกยังเด็ก และยังต้องไปอีกไกล” หญิงชรารายนี้ย้อนถึงคำพูดที่เคยบอกกับลูกสาว
ตอนนี้ ฉีเหลียงยิน สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติแล้ว เธอสามารถไปจ่ายตลาด, ทำกับข้าวและออกกำลังกายตอนเช้า
เมื่อปี 2003 แพทย์วินิจฉัยว่า เชอร์ลีย์เป็นโรคไตเรื้อรัง โดยอาการป่วยของเธอค่อยๆ ย่ำแย่ลงจนมีอาการไตวายระยะสุดท้าย
ฉีเหลียงยิน ซึ่งมีลูกชายอีก 2 คน เป็นสมาชิกเพียงคนเดียวในครอบครัวที่แพทย์วินิจฉัยแล้วว่า เหมาะสมจะบริจาคไตให้ลูกสาว ทางโรงพยาบาลแถลง
ทางโรงพยาบาลสิงคโปร์เจเนรัล ซึ่งทำการผ่าตัดเคสดังกล่าวเมื่อ 2 เดือนก่อน เคยแถลงว่า ฉีเหลียงยินและเชอร์ลีย์ ลู วัย 46 ปี มีอาการดีขึ้น หลังเข้ารับการผ่าตัด
อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดเปลี่ยนไตครั้งนี้เกือบจะไม่เกิดขึ้น เนื่องจากฝ่ายลูกสาวกังวลว่า มารดาแก่ชรามากเกินกว่าจะเข้ารับการผ่าตัด
“ฉันต้องต่อว่าและโน้มน้าวใจลูก ลูกต้องยอมรับ แม่แก่ชรามากแล้ว ไม่เป็นไรหรอก” หนังสือพิมพ์เดอะสเตรทส์ไทมส์รายงานคำพูดของฉีเหลียงยิน
“ลูกยังเด็ก และยังต้องไปอีกไกล” หญิงชรารายนี้ย้อนถึงคำพูดที่เคยบอกกับลูกสาว
ตอนนี้ ฉีเหลียงยิน สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติแล้ว เธอสามารถไปจ่ายตลาด, ทำกับข้าวและออกกำลังกายตอนเช้า
เมื่อปี 2003 แพทย์วินิจฉัยว่า เชอร์ลีย์เป็นโรคไตเรื้อรัง โดยอาการป่วยของเธอค่อยๆ ย่ำแย่ลงจนมีอาการไตวายระยะสุดท้าย
ฉีเหลียงยิน ซึ่งมีลูกชายอีก 2 คน เป็นสมาชิกเพียงคนเดียวในครอบครัวที่แพทย์วินิจฉัยแล้วว่า เหมาะสมจะบริจาคไตให้ลูกสาว ทางโรงพยาบาลแถลง