เอเอฟพี/เอเจนซี/ซีเอ็นเอ็น - พายุไต้ฝุ่นป้าหม่าเข้าพัดกระหน่ำทางภาคเหนือของฟิลิปปินส์แล้ว ส่งผลให้ต้นไม้หักโค่น กระแสไฟฟ้าและการติดต่อทางโทรศัพท์ถูกตัดขาด เตือน อิทธิพลของพายุลูกนี้จะทำให้ห้เกิดฝนตกหนักและอาจสร้างความเดือดร้อนซ้ำเติมประชาชนในกรุงมะนิลาหลายล้านคนที่ยังไม้พ้นจากสภาพภัยพิบัติจากพายุกิสนา
ชาวบ้านในจังหวัดคากายัน บนเกาะลูซอน ทางตอนเหนือของประเทศ เปิดเผยว่า เกิดกระแสลมแรงและฝนเริ่มตกเมื่อหลังเที่ยงวันนี้(3) ตามเวลาท้องถิ่น (11.00 น.ตามเวลาไทย) ก่อนการคาดหมายเดิมที่ว่าจะพัดขึ้นฝั่งในเย็นวันนี้เพียงไม่กี่ชั่วโมง
ผู้บัญชาการตำรวจในคากายัน ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงมะนิลาประมาณ 400 กิโลเมตร เผยว่า กระแสลมแรงมากและเห็นต้นไม้หักโค่น ขณะที่โฆษกศูนย์ประสานงานภัยพิบัติแห่งชาติฟิลิปปินส์กล่าวว่า ได้รับรายงานว่ามีกระแสไฟฟ้าดับ และการติดต่อสื่อสารทางโทรศัพท์ใช้การไม่ได้
ด้านวิทยุดีซีบีบีรายงานว่า มีฝนตกหนักใน 2 เมืองของจังหวัดแซมบาเลส ทางเหนือของกรุงมะนิลา และทัศนวิสัยไม่ดี ขณะที่สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ประชาชนนับแสนต้องหนีออกจากบ้านหาที่หลบภัยพายุลูกนี้
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์รายงานว่า พายุมีกำลังลมลดลงเหลือ 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และได้หันเหทิศทางออกจากรุงมะนิลาไป แต่ฝนที่จะตกหนัก 2-20 นิ้วอาจส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ในค่ายอพยพ และปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยในกรุงมะนิลาและใกล้เคียงได้
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยายังเตือนว่า ฝนที่ตกหนักอาจทำให้เกิดแผ่นดินถล่มและมีลมแรงมากจนทำให้เกิดคลื่นทะเล คล้ายกับสึนามิ ตามชายฝั่งด้านตะวันออกของประเทศด้วย
ทั้งนี้ พายุกิสนา หรือเกดสะหนา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นพายุที่ทำให้เกิดอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบกว่า 40 ปีของฟิลิปปินส์ คร่าชีวิตประชาชนแล้วอย่างน้อย 293 คน ขณะที่คนหลายแสนต้องพลัดถิ่นฐานหรือไร้ที่อยู่อาศัย หากรวมในเวียดนาม กัมพูชา และลาวด้วย ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 441 คน มีผู้ประสบภัยเกือบ 3 ล้านคน