เอเอฟพี - ข้อมูลรัฐบาลสหรัฐฯที่เผยถึงยอดขายสินค้าปลีกอันแข็งแกร่งในเดือนสิงหาคมและมุมมองอันสดใสต่อภาวะเศรษฐกิจของประธานเฟด ส่งให้ราคาน้ำมันเมื่อวันอังคาร(15) ขยับขึ้นกว่า 2 ดอลลาร์ ขณะเดียวกันก็ผลักให้วอลล์สตรีททะยานทำสถิติสูงสุดในรอบปีครั้งใหม่
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 2.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปิดที่ 70.93 ดอลลาร์ หลังทรุดลงมา 2 วันติด ขณะที่เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลกลง 9 เซนต์ ปิดที่ 67.35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันขยับขึ้นหลังจากข้อมูลยอดจำหน่ายสินค้าปลีกสหรัฐฯในเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้นถึงจากเดือนกรกฎาคมถึง 2.7 เปอร์เซ็นต์ แข็งแกร่งเกินความคาดหมาย ส่วนหนึ่งมาจากโครงการเทิร์นรถเก่าแลกซื้อรถใหม่ (Cash for Clunkers) ของรัฐบาล ที่ผลักดันให้ยอดจำหน่ายรถยนต์สูงขึ้น
นอกจากนี้ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากความคิดเห็นของ เบน เบอร์นันกี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2007 "ดูเหมือนจะสิ้นสุดแล้วในทางเทคนิค" แต่ก็เตือนว่าเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอเนื่องจากภาวะสินเชื่อที่ยุ่งยากและอัตราว่างงานในระดับสูง
ขณะเดียวกันสองปัจจัยจากทั้งยอดขายสินค้าปลีกประจำเดือนสิงหาคมของสหรัฐฯและความเห็นในทางบวกของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็ส่งให้ตลาดหุ้นอเมริกาเมื่อวันอังคาร(15) ขยับขึ้นถ้วนหน้า โดยเฉพาะดาวโจนส์ที่ปิดสูงสุดในรอบ 11 เดือนเลยทีเดียว
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 56.61 จุด (0.59 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 9,683.41 จุด นับเป็นการปิดบวก 6 ใน 7 วันหลังสุดและทะยานขึ้นไปทำสถิติสูงสุด นับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีก่อน แนสแดค เพิ่มขึ้น 10.86 จุด (0.52 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,102.64 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 3.29 จุด (0.31 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,052.63 จุด
