"โกลด์แมน แซคส์" คาดที่ประชุม "เฟด" คงดอกเบี้ย 0-0.25% คืนนี้ พร้อมผุดแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ครอบคลุมการเข้าซื้อตราสารหนี้-สินเชื่อที่อยู่อาศัย หลังจากดุลบัญชีของเฟดทรุดตัวลง 17% และแผนสกัดภาวะเงินฝืด
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า โกลด์แมน แซคส์ ได้คาดการณ์ผลการประชุมดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยเชื่อว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0-0.25% ในการประชุมคืนนี้ พร้อมคาดว่านายเบน เบอร์นันกี ประธานเฟด และคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด จะประกาศมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ครอบคลุมถึงการเข้าซื้อตราสารหนี้ ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) และหลักทรัพย์ประเภทอื่นๆ หลังจากภาวะเศรษฐกิจและตลาดจ้างงานสหรัฐหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การประชุมครั้งก่อนเมื่อเดือนมกราคม 2552 ที่ผ่านมา
นายแอนดรูว์ ทิลตัน นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า เฟดจำเป็นต้องใช้ความพยายามมากเป็น 2 เท่า หลังจากดุลบัญชีของเฟดทรุดตัวลง 17% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนธันวาคม 2551 ที่ระดับ 2.31 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเฟดได้นำงบประมาณในองค์กรไปใช้ในการคลี่คลายวิกฤตการณ์ในตลาดการเงิน และดุลบัญชีที่ลดลงเกิดขึ้นแม้เบอร์นันกีตระหนักว่ามีความเป็นไปได้ที่อัตราว่างงานจะพุ่งขึ้นเหนือระดับ 10% เป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี
"การประชุมเฟดคืนนี้ คณะกรรมการเฟดจะใช้มาตรการที่แข็งแกร่งเพื่อสกัดกั้นภาวะเงินฝืด ซึ่งรวมถึงการตั้งโครงการมูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อเข้าซื้อตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้เพื่อที่อยู่อาศัย อาทิ แฟนนี เม และเฟรดดี แมค"
เฟดคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวประมาณ 0.5-1.3% ในปีนี้ มากกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้ ที่ระบุว่าจะหดตัวเพียง 0.2-1.1% และคาดว่าอัตราว่างงานในสหรัฐจะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 8.5-8.8% สูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 7.1-7.6%
การคาดการณ์ของเฟดมีขึ้น หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราว่างงานในสหรัฐพุ่งขึ้นแตะ 8.1% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 25 ปี ขณะที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (non farm payroll) ร่วงลง 651,000 ตำแหน่ง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า โกลด์แมน แซคส์ ได้คาดการณ์ผลการประชุมดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยเชื่อว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0-0.25% ในการประชุมคืนนี้ พร้อมคาดว่านายเบน เบอร์นันกี ประธานเฟด และคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด จะประกาศมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ครอบคลุมถึงการเข้าซื้อตราสารหนี้ ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) และหลักทรัพย์ประเภทอื่นๆ หลังจากภาวะเศรษฐกิจและตลาดจ้างงานสหรัฐหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การประชุมครั้งก่อนเมื่อเดือนมกราคม 2552 ที่ผ่านมา
นายแอนดรูว์ ทิลตัน นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า เฟดจำเป็นต้องใช้ความพยายามมากเป็น 2 เท่า หลังจากดุลบัญชีของเฟดทรุดตัวลง 17% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนธันวาคม 2551 ที่ระดับ 2.31 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเฟดได้นำงบประมาณในองค์กรไปใช้ในการคลี่คลายวิกฤตการณ์ในตลาดการเงิน และดุลบัญชีที่ลดลงเกิดขึ้นแม้เบอร์นันกีตระหนักว่ามีความเป็นไปได้ที่อัตราว่างงานจะพุ่งขึ้นเหนือระดับ 10% เป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี
"การประชุมเฟดคืนนี้ คณะกรรมการเฟดจะใช้มาตรการที่แข็งแกร่งเพื่อสกัดกั้นภาวะเงินฝืด ซึ่งรวมถึงการตั้งโครงการมูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อเข้าซื้อตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้เพื่อที่อยู่อาศัย อาทิ แฟนนี เม และเฟรดดี แมค"
เฟดคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวประมาณ 0.5-1.3% ในปีนี้ มากกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้ ที่ระบุว่าจะหดตัวเพียง 0.2-1.1% และคาดว่าอัตราว่างงานในสหรัฐจะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 8.5-8.8% สูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 7.1-7.6%
การคาดการณ์ของเฟดมีขึ้น หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราว่างงานในสหรัฐพุ่งขึ้นแตะ 8.1% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 25 ปี ขณะที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (non farm payroll) ร่วงลง 651,000 ตำแหน่ง