ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) เบน เบอร์นันกี เมื่อวันอังคาร(10)เปิดเผยกรอบโครงของขั้นตอนต่างๆ ที่เขาคิดว่าจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตทางการเงินขึ้นอีกในอนาคต โดยกล่าวด้วยว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องมาหารือถกเถียงกันในเรื่องระยะยาวดังกล่าวนี้
ในการแสดงปาฐกถาต่อ สภาว่าด้วยความสัมพันธ์กับต่างประเทศ (Council on Foreign Relations) คราวนี้ เบอร์นันกียังกล่าวยอมรับกลายๆ ว่า สหรัฐฯและพวกประเทศเจ้าของเศรษฐกิจใหญ่ๆ อื่นๆ อีกบางราย ได้กระทำความผิดที่นำไปสู่วิกฤตการเงินทั่วโลกในปัจจุบัน นั่นก็คือ การที่สหรัฐฯและประเทศเหล่านี้บกพร่องล้มเหลว ไม่ได้นำเอาบรรดาเงินทุนซึ่งไหลทะลักเข้ามาตั้งแต่เมื่อกว่าสิบปีก่อน มาลงทุนอย่าง "สุขุมรอบคอบ"
จากความล้มเหลวในเรื่องนี้ของสหรัฐฯตลอดจนประเทศเศรษฐกิจใหญ่อื่นๆ "ทำให้เกิดการกลับตาลปัตรอย่างทรงพลังยิ่ง ในเรื่องอารมณ์ความรู้สึกของนักลงทุน และการเข้ายึดครองอำนาจของพวกตลาดสินเชื่อ" เขาบอก
"ในช่วงระยะใกล้ รัฐบาลต่างๆ ทั่วโลกจะต้องต่อเนื่องดำเนินปฏิบัติการอย่างมีพลัง และถ้าหากมีความเหมาะสมก็ควรที่จะมีการร่วมมือประสานงานกันด้วย เพื่อฟื้นฟูให้ตลาดการเงินกลับสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ และฟื้นฟูการไหลเวียนของสินเชื่อ" เบอร์นันกีกล่าว โดยที่ในสหรัฐฯนั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ กำลังมีความมุ่งมั่น "ที่จะให้แน่ใจว่า พวกสถาบันการเงินที่ทรงความสำคัญต่อระบบ จะต้องสามารถทำตามพันธะผูกพันของพวกเขาได้ต่อไป" เขาระบุ
"ตราบใดที่เรายังไม่สามารถทำให้ระบบการเงินมีเสถียรภาพได้ การฟื้นตัวอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจก็จะยังเป็นสิ่งที่เราไม่อาจก้าวถึงได้"
เบอร์นันกีพูดว่า ถ้าระบบการธนาคารของสหรัฐฯกลับมีเสถียรภาพ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็ควรจะยุติลงในช่วงต่อไปของปีนี้ และปี 2010 ก็จะกลับมีอัตราเติบโตอันค่อนข้างแข็งแกร่ง
ในการแสดงปาฐกถาต่อ สภาว่าด้วยความสัมพันธ์กับต่างประเทศ (Council on Foreign Relations) คราวนี้ เบอร์นันกียังกล่าวยอมรับกลายๆ ว่า สหรัฐฯและพวกประเทศเจ้าของเศรษฐกิจใหญ่ๆ อื่นๆ อีกบางราย ได้กระทำความผิดที่นำไปสู่วิกฤตการเงินทั่วโลกในปัจจุบัน นั่นก็คือ การที่สหรัฐฯและประเทศเหล่านี้บกพร่องล้มเหลว ไม่ได้นำเอาบรรดาเงินทุนซึ่งไหลทะลักเข้ามาตั้งแต่เมื่อกว่าสิบปีก่อน มาลงทุนอย่าง "สุขุมรอบคอบ"
จากความล้มเหลวในเรื่องนี้ของสหรัฐฯตลอดจนประเทศเศรษฐกิจใหญ่อื่นๆ "ทำให้เกิดการกลับตาลปัตรอย่างทรงพลังยิ่ง ในเรื่องอารมณ์ความรู้สึกของนักลงทุน และการเข้ายึดครองอำนาจของพวกตลาดสินเชื่อ" เขาบอก
"ในช่วงระยะใกล้ รัฐบาลต่างๆ ทั่วโลกจะต้องต่อเนื่องดำเนินปฏิบัติการอย่างมีพลัง และถ้าหากมีความเหมาะสมก็ควรที่จะมีการร่วมมือประสานงานกันด้วย เพื่อฟื้นฟูให้ตลาดการเงินกลับสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ และฟื้นฟูการไหลเวียนของสินเชื่อ" เบอร์นันกีกล่าว โดยที่ในสหรัฐฯนั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ กำลังมีความมุ่งมั่น "ที่จะให้แน่ใจว่า พวกสถาบันการเงินที่ทรงความสำคัญต่อระบบ จะต้องสามารถทำตามพันธะผูกพันของพวกเขาได้ต่อไป" เขาระบุ
"ตราบใดที่เรายังไม่สามารถทำให้ระบบการเงินมีเสถียรภาพได้ การฟื้นตัวอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจก็จะยังเป็นสิ่งที่เราไม่อาจก้าวถึงได้"
เบอร์นันกีพูดว่า ถ้าระบบการธนาคารของสหรัฐฯกลับมีเสถียรภาพ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็ควรจะยุติลงในช่วงต่อไปของปีนี้ และปี 2010 ก็จะกลับมีอัตราเติบโตอันค่อนข้างแข็งแกร่ง