เอเอฟพี - ราคาน้ำมันถูกฉุดลงเมื่อวันจันทร์(14) ท่ามกลางแรงกดดันอุปทานล้นตลาดและความกังวลว่าข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนอาจทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจต้องล่าช้า อย่างไรก็ตาม ปัจจัยนี้กลับไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นมะกัน หลังวอลล์สตรีทสามารถขยับไปปิดในแดนบวกได้สำเร็จ
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 43 เซนต์ ปิดที่ 68.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 25 เซนต์ ปิดที่ 67.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันขยับลงต่อเนื่องจากเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ก่อน เหตุนักลงทุนเทขายทำกำไรและความกังวลต่ออุปทานที่ล้นตลาด
ขณะเดียวกัน การปิดลบของราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่ก่อความกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจซึ่งไม่เป็นผลดีต่ออุปสงค์พลังงาน หลังจีนยื่นเรื่องอุทธรณ์ไปยังองค์กรการค้าโลก ร้องทุกข์ในข้อกำหนดภาษีนำเข้าของวอชิงตันต่อการนำเข้ายางรถยนต์จากปักกิ่ง
ความเคลื่อนไหวนี้ของจีน เป็นปฏิกิริยาตอบโต้การตัดสินใจของบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เมื่อวันศุกร์ (11) ตัดสินใจควบคุมการนำเข้ายางรถยนต์จากประเทศจีนเป็นเวลา 3 ปี โดยได้ขึ้นภาษีนำเข้ายางรถยนต์โดยสารและยางรถบรรทุกขนาดเล็กที่ทำจากจีน โดยในปีแรกจะเก็บ 35% และลดลงมาเหลือ 30% ในปีที่ 2 และเหลือ 25% ในปีที่ 3
อย่างไรก็ตาม เหตุขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและจีน กลับไม่ส่งผลกระทบวอลล์สตรีทอย่างที่กังวล โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์(14) ปิดแดนบวกในภาวะการซื้อขายอันสงบ เหตุถูกบดบังจากมุมมองอันสดใสของนักลงทุนต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 21.39 จุด (0.22 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 9,626.80 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 10.88 จุด (0.52 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,091.78 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 6.61 จุด (0.63 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,049.34 จุด ดีที่สุดในปี 2009