เอเอฟพี - 8 ปีผ่านมาหลังจากเกิดเหตุวินาศกรรม 11กันยายน เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯระบุว่า เครื่อข่ายอัลกออิดะห์อ่อนแอลงแล้ว แต่ยังเป็นภัยคุกคามสหรัฐฯ ขณะที่ชาวอเมริกันเริ่มเบื่อหน่ายกับสงครามต่อต้านก่อการร้ายของรัฐบาล
พลเรือเอกไมค์ มุลเลน ประธานคณะเสนาธิการผสมของสหรัฐฯ กล่าวว่า เครือข่ายอัลกออิดะห์ยังคงมีความสามารถอย่างยิ่งที่จะโจมตีสหรัฐฯและมุ่งมั่นอย่างยิ่งที่จะทำตามเป้าหมาย
แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนตัวผู้นำในทำเนียบขาว สงครามต่อต้านการก่อการร้ายสมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ยังเป็นงานสำคัญอันดับแรกของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำคนต่อมา ซึ่งประกาศกร้าวว่า จะสลายทำลายและกำราบให้พวกอัลกออิดะห์ที่กำลังซ่อนตัวในปากีสถานปราชัย
สงครามต่อต้านผู้ที่ก่อเหตุโจมตีวันที่ 11 กันยายน ซึ่งคร่าชีวิตคนเกือบ 3,000 คนในนิวยอร์กและในวอชิงตัน ทำให้เครือข่ายของโอซามะห์ บิน ลาเดน สูญเสียฐานที่มั่นอันปลอดภัยในอัฟกานิสถาน หลังจากกองกำลังนานาชาตินำโดยสหรัฐฯบุกเข้าโค่นล้มกลุ่มตอลิบานในปลายปี 2001
เครื่อข่ายนี้เผชิญกับความเสื่อมถอยอย่างรุนแรง สมาชิกคนสำคัญ ตลอดจนแกนนำ 11 คนถูกสังหารนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 รวมถึงอาบู กาบับ อัล-มาสรี ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาวุธเคมีและชีวภาพ และไบตุลเลาะห์ เมห์ซุด หัวหน้ากลุ่มตอลิบานในปากีสถานด้วย
และนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2005 เครือข่ายก่อการร้ายยังไม่สามารถโจมตีชาติตะวันตกได้อีก ผู้เชี่ยวชาญบางกลุ่มจึงชี้ว่า ความเสื่อมถอยของอัลกออิดะห์แสดงให้เห็นว่า ภัยของกลุ่มก่อการร้ายเริ่มเจือจางลงแล้ว
"นับตั้งแต่ก่อตั้งมา 21 ปี อัลกออิดะห์กำลังเป็นฝ่ายตั้งรับหรือกระทั่งกำลังหมดสิ้นกำลัง" ศาตราจารย์ฌอง-ปีแยร์ ฟิลีอู จากสถาบันรัฐศาสตร์แห่งปารีสกล่าว "อักกออิดห์กำลังกอบกู้แนวคิดต่อต้านขึ้นมาใหม่ หลังจากสหรัฐฯบุกอิรัก แต่พวกเขากลับสูญเสียเครือข่ายที่มั่นในท้องถิ่นและก็ต้องละทิ้งไปในปี 2006-2007" ศาสตราจารย์ชาวฝรั่งเศสกล่าว
อย่างไรก็ตาม หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯไม่ได้เห็นด้วยว่าภัยคุกคามของอัลกออะดะห์ได้เหือดหายไปแล้ว
เจ้าหน้าที่ต่อต้านก่อการร้ายของรัฐบาลสหรัฐฯผู้ขอสงวนงานกล่าวว่า อัลกออิดะห์กำลังรู้สึกกดดันอย่างหนักในขณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสูญเสียแกนนำไปหลายคน แต่อย่าชล่าใจว่า พวกเขายังคงเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯและพันธมิตร เพราะยังสามารถเกรฑ์สมาชิก วางแผนและจัดการเรื่องการหาเงินได้
"พวกเขาเป็นศัตรูที่เหมือนกับคืนชีพได้ มาดมั่น และปรับตัวเก่ง" เขาระบุ
เครือข่ายพวกนี้รวมกลุ่มกับอีกครั้งในพื้นที่ตามหุบเขาในปากีสถาน ซึ่งเป็นสถานที่ลี้ภัยของบิน ลาเดน และไอมาน อัลซอวาฮิรีย์ ผู้นำอันดับสอง และเป็นฐานที่มั่นที่พวกเขาที่ยังคงบงการการก่อความไม่สงบของกลุ่มตอลิบานในอัฟกานิสถาน
นอกจากจะหวั่นเกรงการโจมตีจากอัลกออิดะห์แล้ว เวลาเดียวกันรัฐบาลสหรัฐฯก็กำลังกังวลเรื่องที่อัลกออิดะห์จะแปรสภาพองค์กรให้เป็น "แฟรนไชส์" ขนาดย่อมขยายไปเอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกาด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่ขาดเสถียรภาพอย่าง เยเมน และโซมาเลีย
ล่าสุดเครือข่ายในเยเมนเพิ่งก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายมุ่งหมายปลงพระชมนม์เจ้าชายโมฮัมหมัด บิน นาเยฟ แห่งซาอุดีอาระเบีย เมื่อไม่นานมานี้ หลังจากเจ้าชายทรงเป็นผู้นำในการต่อต้านการก่อการร้ายในประเทศ เจ้าชายรอดชีวิตหวุดหวิด มีเพียงมือระเบิดเท่านั้นที่เสียชีวิต
และแม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะเตือนภัยอันตรายจากกลุ่มอัลกออิดะห์ แต่ความรู้สึกสาธารณชนได้เปลี่ยนไปมุ่งสนใจในเรื่องอื่นมากกว่าแล้ว ท่ามกลางความเบื่อหน่ายกับสงครามในอิรักและอัฟกานิสถานที่ทำให้หทารสังเวยชีวิตไปแล้วกว่า 5,000 คนโดยผลสำรวจพบว่า สาธารณชนสนับสนุนภารกิจในอัฟกานิสถานน้อยลง
"คนจำนวนมากเหนื่อยหน่ายกับการต่อสู้กับการก่อการร้าย พวกเขาหมดพลังทั้งในแง่การเงิน ความอดทน และการสูญเสียชีวิตของหทารในอิรัก พวกเขาไม่มีความอดทนที่จะเดินหน้าภารกิจนี้ต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ" บรูซ ฮอฟแมน ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ให้ความเห็น
"ดังนั้นตอนนี้ชาวอเมริกันจึงคิดว่าเราพูดเรื่องภัยก่อการร้ายเกินความจริงไปหน่อย มันไม่ร้ายแรงแล้ว" เขากล่าว
กระนั้น ฮอฟแมนให้ความห็นว่า หากสหรัฐฯถอนทหารออกจากอัฟกานิสถาน ก็อาจจะมีการโจมตีครั้งใหญ่ต่อต้านสหรัฐฯเกิดขึ้นอีก
"มันไม่เหมือนกับสงครามเวียดนามที่พวกเวียดกงจะไม่ตามไล่ล่าเรา หากเราถอนตัวออกจากอินโดจีน นี่มันแตกต่าง อัลกออิดะห์จะตามไล่ล่าเราต่อไป"