xs
xsm
sm
md
lg

วัฒนธรรมมี“เมียน้อย”กำลังหวนคืนสู่สังคมจีน

เผยแพร่:   โดย: สตีเฟน หว่อง

(เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์www.atimes.com)

China’s concubine culture is back
By Stephen Wong
24/07/2009

วัฒนธรรมอันเก่าแก่ของจีนในเรื่องการมีอนุภรรยา เคยเป็นเรื่องผิดกฎหมายในยุคเหมาเจ๋อตง ทว่าเวลานี้กลับเป็นที่นิยมกันในหมู่คนร่ำรวยและทรงอำนาจ และแน่นอนที่สุดว่าในหมู่เจ้าหน้าที่รัฐบาลด้วย มีตัวเลขประมาณการออกมาว่า เจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกจับกุมด้วยความผิดทุจริตคอร์รัปชั่นนั้น ราว 95% ทีเดียวมีเมียน้อยอย่างน้อย 1 คน โดยที่มีอยู่รายหนึ่งมีถึง 140 คน การที่บรรดาอนุภรรยากระหายที่จะได้ของขวัญและเงินสดนี่เอง ดูจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ผลักดันให้ผู้ชายใช้อำนาจที่เขามีอยู่ไปในทางมิชอบ

เซี่ยงไฮ้ – คำพังเพยที่ว่า “เบื้องหลังชายผู้ประสบความสำเร็จทุกๆ คน ล้วนแต่มีผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง” กลับเกิดการหักมุมผิดเพี้ยนเสียแล้วในประเทศจีน เมื่อดูเหมือนว่าเบื้องหลังเจ้าหน้าที่ชายที่ทุจริตคอร์รัปชั่นทุกๆ คน ล้วนแต่ต้องมีอนุภรรยาอย่างน้อย 1 คน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงทางด้านต่อต้านการทุจริตผู้หนึ่ง ได้กล่าวยอมรับในที่สาธารณะเมื่อไม่นานมานี้ว่า พวกเจ้าหน้าที่คอร์รัปชั่นที่ถูกปักกิ่งปราบปรามจับกุมได้นั้น มีถึง 95% ทีเดียวที่มีเมียน้อย

วัฒนธรรมเก่าแก่นับพันปีของจีนที่ผู้ชายมีเมียน้อยนั้นกำลังหวนกลับมาแล้ว โดยเวลานี้พวกเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์และเจ้าหน้าที่รัฐบาลจำนวนมากทีเดียวจะต้องมีอนุภรรยาอย่างน้อย 1 คน ในฐานะเป็นสัญลักษณ์แสดงฐานะ หรือเพื่อตอบสนองความต้องการทางเพศของเขา

ระหว่างกล่าวปราศรัยต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลและพรรคที่เมืองตงกวน อันเป็นเมืองที่เศรษฐกิจมั่งคั่งรุ่งเรืองในมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ฉีเพ่ยเวิน เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งของคณะกรรมการส่วนกลางเพื่อการตรวจสอบวินัย ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน กล่าวเตือนเจ้าหน้าที่ทั้งหลายให้ระมัดระวัง “หญิงงาม” โดยบอกว่าการมีอนุภรรยาคือหนทางอันง่ายดายที่จะนำพาเจ้าหน้าที่ไปสู่การทุจริตคอร์รัปชั่น

การแสดงความคิดเห็นของฉีเช่นนี้ ปรากฏว่าได้รับการตอบรับอย่างอึงคะนึงจากสื่อมวลชนภายในประเทศและบรรดาห้องแชทในอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะในประเด็นที่ว่าวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของจีนในเรื่องที่ขุนนางข้าราชการจะต้องมีเมียน้อยนั้นกำลังหวนกลับมาให้เห็นกันอีกแล้ว

ฉีระบุตัวเลขอันน่าตื่นตะลึงว่า ในบรรดาเจ้าหน้าที่ทุจริตทั้งหลายนั้นมีถึง 95% ที่มีอนุภรรยาอย่างน้อย 1 คน เลยมีบางคนปล่อยมุกต่อไปว่าแนวโน้มเช่นนี้ทำให้พวกที่ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่พลอยหาภรรยาลำบากยิ่งขึ้นไปอีก ในเมื่ออัตราส่วนของสองเพศในประเทศจีนอยู่ในสภาพไม่สมดุลอย่างยิ่งอยู่แล้ว (ตามตัวเลขของ สหพันธ์สตรีแห่งประเทศจีน ซึ่งเป็นองค์กรกึ่งทางการ อัตราส่วนระหว่างเพศชายและเพศหญิงในบรรดาทารกเกิดใหม่เมื่อปี 2005 นั้น ปรากฏว่า เป็นชาย 119 คนต่อหญิง 100 คน)

ประเพณีจีนแต่โบราณที่ชายมีเมียน้อยนี้ ได้ถูกโจมตีอย่างรุนแรงจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน ตอนที่พรรคขึ้นครองอำนาจในการปฏิวัติปี 1949 นอกจากนั้นด้วยการใช้มาตการ “กำปั้นเหล็ก” พรรคคอมมิวนิสต์จีนภายใต้ประธานเหมาเจ๋อตง ยังประสบความสำเร็จในการกวาดล้าง “ความชั่วร้ายทางสังคม” อื่นๆ เป็นต้นว่า โสเภณี และยาเสพติด ทุกวันนี้การมีคู่ครองทีเดียว 2 คนยังคงเป็นพฤติการณ์ต้องห้าม อย่างน้อยที่สุดก็ในตัวบทกฎหมายที่ตีพิมพ์บนกระดาษ

แต่เมื่อจีนมีการปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจไปสู่ความทันสมัยและรับเอาค่านิยมแบบทุนนิยมมากขึ้น สิ่งที่เป็นเสมือนคลื่นใต้น้ำที่ติดตามมา อันได้แก่ การปล่อยปล่อยให้มีความเสรีทางเพศ และความเสื่อมทรามมัวเมาในวัตถุ ก็ปรากฏให้เห็นเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน เหล่านี้กำลังส่งผลให้อนุภรรยาหวนกลับคืนมา รวมทั้งมีการประพฤตินอกใจไม่ซื่อสัตย์ต่อคู่ครองของตนกันมากขึ้นด้วย

การมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวนอกเหนือจากคู่ครองของตน กลายเป็นแฟชั่นซึ่งเป็นที่นิยมของพวกคนรวยและผู้ทรงอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่เป็นเจ้าหน้าที่ของพรรคและรัฐ ดูเหมือนว่าใครก็ตามที่สามารถเข้าถึงอำนาจ ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสในพรรค ไปจนถึงเจ้าหน้าที่รัฐ และกระทั่งเจ้าหน้าที่จัดตั้งมวลชนระดับรากหญ้า ก็จะเป็นผู้ที่สามารถมีเมียน้อยได้ด้วย

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่สุดที่ต้องตกจากอำนาจอย่างเสื่อมเกียรติ คือ เฉินเหลียงอี่ว์อดีตเลขาธิการพรรคสาขานครซั่งไห่ (เซี่ยงไฮ้) และเป็นสมาชิกกรมการเมืองด้วย เขาถูกจำคุกเป็นเวลา 18 ปีในความผิดฐานทุจริตคอร์รัปชั่น และกล่าวกันว่าเขามีอนุภรรยาอย่างน้อย 2 คน

สำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของสถิติมีเมียน้อยเมียเก็บมากที่สุด ได้แก่ สีว์ฉีเหยา อดีตอธิบดีกรมก่อสร้างของมณฑลเจียงซู ซึ่งถูกตัดสินประหารชีวิตฐานคอร์รัปชั่น แต่ได้รับลดหย่อนผ่อนโทษ สีว์ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบบรรดาโครงการโครงสร้างพื้นฐานในมณฑลทางภาคตะวันออกอันเจริญมั่งคั่งของจีนแห่งนี้ มีอนุภรรยากว่า 140 คน พวกเจ้าหน้าที่ปราบปรามการทุจริตถึงกับตื่นตะลึง ตอนที่พวกเขาค้นพบไดอารีชีวิตเซ็กส์ของสีว์ ซึ่งบันทึกรายชื่อเมียน้อยของเขาเอาไว้ทั้งหมด ตลอดจนประสบการณ์ทางเพศของเขากับพวกเธอเหล่านั้น

เจ้าหน้าที่ทุจริตและเมียน้อยของพวกเขา กำลังกลายเป็นท้องเรื่องสำหรับการล้อเลียนตลกโปกฮาทั้งของสื่อมวลชนจีนและบล็อกเกอร์ชาวจีน

พลเมืองชาวเน็ตคนจีนได้ช่วยกันรวบรวมจัดทำรายการสถิติต่างๆ ในเรื่องเกี่ยวกับอนุภรรยาของพวกเจ้าหน้าที่ทุจริต เป็นต้นว่า ใครมีเมียน้อยเยอะที่สุด, เมียน้อยของใครสวยที่สุด, ใครใช้จ่ายทุ่มเทเงินทองให้แก่เมียน้อยของตนหนักที่สุด ปรากฏว่ารายการเหล่านี้ถูกโพสต์กันอย่างกว้างขวางสนุกสนานตามเว็บไซต์ยอดนิยมทั้งหลาย

**อำนาจ,เงิน, และเซ็กส์**

วัฒนธรรมอนุภรรยาที่ฟื้นขึ้นมาใหม่ของจีน ไม่ได้จำกัดอยู่แต่เฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง โดยที่มีสิ่งที่เรียกกันว่า “หมู่บ้านอนุภรรยา” ผุดขึ้นมาตามนครแถบชายฝั่งหลายแห่งทีเดียว

จากการปฏิรูปและเปิดประตูประเทศของจีน อุดมการณ์มาร์กซิสต์-เหมาอิสต์แบบเคร่งครัดได้ถูกทอดทิ้งไป และช่องว่างที่เกิดขึ้นก็ถูกถมเต็มด้วยลัทธินิยมบูชาวัตถุ ความอยากได้ใคร่มีทางด้านวัตถุได้ถูก “ปลดปล่อย” ผู้คนต่างต้องการอำนาจมากขึ้น เงินทองมากขึ้น และก็ดูเหมือนต้องการเซ็กส์มากขึ้นด้วย เวลานี้การมี “อนุภรรยา” กำลังกลายเป็นแฟชั่นที่นิยมกันในหมู่คนร่ำรวยและผู้ทรงอำนาจ

จินเว่ยจื่อ ผู้จัดการใหญ่ของบริษัทรัฐวิสาหกิจทางด้านอาหารนม ซึ่งได้ถูกตัดสินลงโทษฐานรับสินบนและยักยอกทรัพย์เมื่อปี 2000 นั้น เคยพูดเอาไว้ว่า “การมีเมียน้อยไม่ใช่เพื่อสนองความต้องการทางร่างกายเท่านั้น มันเป็นเรื่องสัญลักษณ์ทางฐานะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ ถ้าคุณไม่มีผู้หญิงสักหลายๆ คน ผู้คนเขาก็จะดูถูกและมองคุณไม่ขึ้น”

พวกอนุภรรยามักถูกกล่าวหาอยู่บ่อยๆ ว่าเป็นตัวการเกลี้ยกล่อมให้เหล่าเจ้าหน้าที่ยอมรับสินบน หรือกระทำการที่เป็นการใช้อำนาจในทางมิชอบอื่นๆ ในทางกลับกัน พวกเจ้าหน้าที่ก็ชอบปรนเปรอบรรดาเมียน้อยด้วยของขวัญเลิศหรู, เงินทอง, หรือไม่ก็สัญญาจัดซื้อจัดจ้างในโครงการที่ได้กำไรงาม

ตัวอย่างที่เข้าขั้นสุดโต่งของเรื่องนี้ ก็คือ กรณีของ เติ้งเป่าจีว์ นายธนาคารในเมืองเซินเจิ้นที่เจริญรุ่งเรืองมาก ภายในเวลา 800 วัน เขาใช้เงินจากธนาคารของเขาเพื่อบำรุงบำเรอเมียน้อยคนที่ 5 ของเขา เป็นจำนวนถึง 18.4 ล้านหยวน (92 ล้านบาท) หรือเฉลี่ยแล้ววันละ 23,000 หยวน (115,000 บาท) เขาถูกลงโทษจำคุก 15 ปีสำหรับการฉ้อโกงนี้

การทุจริตคอร์รัปชั่นและอนุภรรยานั้นเป็นของคู่กันอย่างชัดเจนทีเดียว นี่เป็นข้อสรุปในรายงานข่าวเมื่อปี 2008 ของหนังสือพิมพ์ เซาเทิร์น วีกลี่ ที่มีสำนักใหญ่อยู่ในนครกว่างโจว รายงานข่าวชิ้นนี้ได้สำรวจเจ้าหน้าที่ระดับมณฑลจำนวน 41 คนที่ถูกสอบสวนเรื่องทุจริตในช่วงระหว่างปี 1998 ถึง 2008 และพบว่ามีถึง 36 คนที่มีเมียน้อย

เซาเทิร์นวีกลี่ได้อ้างคำพูดภรรยาของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในเขตภาคกลางของจีนผู้หนึ่ง ซึ่งกล่าวว่าย่านอาคารพำนักอาศัยของบรรดาเจ้าหน้าที่ซึ่งเธอพักอาศัยอยู่นั้น “เหมือนกับหมู่บ้านแม่หม้าย” เพราะพวกผู้ชายไม่ค่อยได้กลับบ้าน ภรรยาจำนวนมากทีเดียวตระหนักดีว่าสามีของพวกเธอนอกใจไปมีอีหนู แต่พวกเธอก็เลือกที่จะปิดปากเอาไว้เพื่อเห็นแก่ครอบครัว

ตามกฎหมายของจีนนั้น พฤติการณ์มีคู่ครองเกิน 1 คนถือเป็นความผิดที่มีระวางโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 2 ปี ทว่าในทางปฏิบัติแล้ว การมีเมียน้อยแทบจะไม่ถูกฟ้องร้องกล่าวโทษกัน ถ้าหากผู้ชายไม่ไปจดทะเบียนสมรสซ้อนให้เห็นกันชัดเจน

**ปราบวัฒนธรรมอนุภรรยา**

จากการที่วัฒนธรรมอนุภรรยาเบ่งบานมาก ทำให้ในปี 2007 พรรคคอมมิวนิสต์ต้องเริ่มปราบปรามพวกเจ้าหน้าที่ซึ่งมีเมียน้อยกันขนานใหญ่ พรรคได้ดำเนินการสำรวจสถานะสมรสของพวกเจ้าหน้าที่รัฐกันเป็นครั้งแรก คณะกรรมการพรรคสาขากรุงปักกิ่งถึงขั้นสั่งให้พวกเจ้าหน้าที่ต้องรายงานผู้บังคับบัญชาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสถานะสมรส ทว่าจวบจนถึงเวลานี้ มาตรการเหล่านี้ก็แทบไม่บังเกิดผลอะไร

กระนั้นก็ตาม เจ้าหน้าที่อาวุโสที่เป็นเพศชายซึ่งถูกสอบสวนเรื่องทุจริตแทบจะทุกรายทีเดียว ถูกพบว่ามีอนุภรรยาอย่างน้อย 1 คน เรื่องนี้ทำให้สื่อมวลชนเสนอแนะว่าหน่วยงานปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นทั้งหลายควรเริ่มต้นการตรวจสอบ ด้วยการค้นหาว่ามีเจ้าหน้าที่คนไหนบ้างที่มีเมียน้อย

เพื่อหยุดยั้งไม่ให้พวกอนุภรรยาใช้ประโยชน์จากสายสัมพันธ์ที่มีอยู่กับเหล่าเจ้าหน้าที่ ทางการผู้รับด้านชอบด้านยุติธรรมของจีนจึงได้ขยายการตีความกฎหมายเรื่องการรับสินบน ให้ครอบคลุมถึงพฤติการณ์ให้ของขวัญแก่อนุภรรยาของเจ้าหน้าที่ด้วย

เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา รัฐบาลของนครเหมยซาน ในมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ได้สั่งห้าม “ความสัมพันธ์ที่ไม่ปกติ” ระหว่างเจ้าหน้าที่ทั้งหลายกับสตรี อย่างไรก็ดี การสั่งห้ามดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าใช้ไม่ได้ในทางปฏิบัติ เป็นต้นว่า รัฐบาลนครเหมยซานไม่ได้นิยามให้ชัดเจนว่า “ความสัมพันธ์ที่ไม่ปกติ” นี้คืออะไรบ้าง หรือเจ้าหน้าที่ซึ่งยังฝ่าฝืนจะถูกลงโทษอะไรแค่ไหน

ก็เหมือนกับสื่อมวลชนส่วนใหญ่ในโลก สื่อของจีนชอบที่จะเสนอเรื่องราวอันเต็มไปด้วยสีสันเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ทุจริตกับเมียน้อยของพวกเขา แต่ถ้าหากผู้กระทำผิดยังคงอยู่ในอำนาจแล้ว ก็แทบไม่มีใครกล้าตั้งคำถามเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ที่เขาให้กับภรรยา หรือความใสสะอาดปราศจากการคอร์รัปชั่นของเขา ดังนั้น ผู้ว่าการมลรัฐเซาท์แคโรไลนาในสหรัฐฯ มาร์ก แซนฟอร์ด ซึ่งตกเป็นข่าวเกรียวกราวจนแทบจะสูญเสียตำแหน่งเพราะแวบไปพบกับอนุภรรยาของเขา น่าจะต้องอิจฉาเพื่อนชาวจีนของเขาเป็นอันมากทีเดียว

สตีเฟน หว่อง เป็นนักหนังสือพิมพ์อิสระ เขารายงานเรื่องนี้จากนครเซี่ยงไฮ้
กำลังโหลดความคิดเห็น