เอเอฟพี - ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนลง น่าจะส่งผลกดดันต่อให้ราคาข้าวให้พุ่งขึ้นอีก หลังจากหนึ่งปีก่อนหน้านี้ราคาข้าวพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงแตะระดับ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตันมาแล้ว ทั้งนี้เป็นความเห็นของสถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศ(ไออาร์อาร์ไอ)
ไออาร์อาร์ไอกล่าวในรายงาน "ไรซ์ ทูเดย์" ที่ออกรายสองเดือนของสถาบันว่า สถานการณ์ "แสดงให้เห็นว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่ลดลงจะทำให้ราคาข้าว(และโภคภัณฑ์อื่น ๆ) ยังคงมีราคาสูงขึ้น"
สถาบันแห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่ในฟิลิปปินส์กล่าวว่า "มีความรู้สึกผ่อนคลายลวง" ว่าราคาของอาหารหลักชนิดนี้จะลงมาอยู่ในระดับปกติ
เพราะสถานการณ์ที่เป็นจริงในตอนนี้ก็คือ ผู้ส่งข้าวที่มีคุณภาพต่ำกำลัง "หาตลาดได้ยากมาก" เนื่องจากวิกฤตการเงินทำให้สินเชื่อลดลง และบรรดาผู้นำเข้าก็กำลัง "ระมัดระวังในการซื้อข้าวเข้ามาเก็บเอาไว้" รายงานกล่าว
รายงานยังชี้ด้วยว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯคงจะอ่อนตัวลงในช่วงหลายๆ เดือนข้างหน้า เพราะว่าหนี้สาธารณะของรัฐบาลสหรัฐฯกำลังพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงจากการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงส่งให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนลงมาเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ
ในรายงานกล่าวว่าการที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนลงเช่นนี้ จะทำให้ "กับดักเงินดอลลาร์" นั่นก็คือมูลค่าของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของประเทศต่าง ๆที่ส่วนใหญ่เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะอ่อนตัวลงตามไปด้วย
ในอีกด้านหนึ่ง รายงานบอกว่า เป็นที่คาดหมายกันว่าอินเดียจะกลับมาส่งออกข้าวอีกครั้งหนึ่ง เรื่องนี้น่าจะทำให้ราคาอ่อนตัวลงได้ในระดับหนึ่ง
ไออาร์อาร์ไอกล่าวว่าปัจจัยการอ่อนลงของค่าเงินสหรัฐฯ และการเข้าสู่ตลาดของอินเดีย จะมีผลในคนละด้านต่อราคาข้าวในตลาดโลก และผลของการต่อสู้ระหว่างปัจจัยต่างๆ เหล่านี้จะเป็นตัวตัดสินแนวโน้มราคาข้าวต่อไป
