เอ็กซิตโพลชี้ ปธน.อินโดฯ ได้ชัยชนะรับตำแหน่งอีกสมัย

เอเจนซี - เอ็กซิตโพลเผย ประธานาธิบดีซุซิโล บัมบัง ยุโธโยโน มีคะแนนนำทิ้งห่างคู่แข่งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีวันนี้(8) เปิดเส้นทางให้เข้าได้เข้าทำงานปฏิรูปเศรษฐกิจต่อไปอีก 5 ปี ขณะที่คูหาเลือกตั้งทั่วประเทศปิดรับการรลงคะแนนแล้ว

ผลการสำรวจหน้าคูหาเลือกตั้ง หรือเอ็กซิตโพล ของสถานีโทรทัศน์เมโทร เผยว่า ประธานาธิบดีซุซิโลได้คะแนนเสียงร้อยละ 58.51 ก่อนที่การลงคะแนนเสียงในบางพื้นที่ของประเทศจะปิดรับการลงคะแนน ขณะที่ผู้ท้าชิง รองประธานาธิบดียุซุฟ กัลลา และอดีตประธานาธิบดีเมกาวาตี ซูการ์โนบุตรี ได้คะแนนร้อยละ 15.18 และ 26.32.21 ตามลำดับ

ด้านการนับคะแนน"อย่างรวดเร็ว" ถ่ายทอดจากสถานีโทรทัศน์ทีวีวันให้ประธานาธิบดีซุซิโลได้คะแนนถึงร้อยละ 60.10 นางเมกาวาตีร้อยละ 27.33 และรองประธานาธิบดียุซุฟ 12.58

หากซุซิโล หรือที่รู้จักกันในชื่อย่อ “เอสบีวาย” ได้เสียงโหวตมากกว่าร้อยละ 50 จากเสียงโหวตทั้งหมดราว 176 ล้านเสียงก็ไม่จำเป็นต้องมีการเลือกตั้งแข่งกับคนที่ได้คะแนนใกล้เคียงเขามาที่สุดเป็นรอบที่สองในเดือนกันยายนนี้ ทั้งนี้ ผลการเลือกตั้งอย่งเป็นทางการจะต้องใช้เวลาอีกหลายวัน

สถานีโทรทัศน์เมโทรทีวีไม่ได้เผยว่า สำรวจกับผู้ลงคะแนนกี่คน ขณะที่คณะกรรมการเลือกตั้งขอร้องให้เครือข่ายโทรทัศน์ชลอการเผยผลการเลือกตั้งจนกว่าจะปิดคูหาเลือกตั้งทั่วประเทศเสียก่อน

การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งโดยตรงเพียงครั้งที่ 2 ในอินโดนีเซีย หลังจากตกอยู่ในการคอร์รัปชั่นและการเล่นพวกพ้องในระบอบเผด็จการของซูฮาร์โต 32ปี และจะกำหนดการปฏิรูปเศรษฐกิจในอีก 5 ปีข้างหน้าของอินโดนีเซีย รวมถึงประสานการก้าวเข้าสู่ประชาธิปไตยของอินโดนีเซียด้วย ขณะที่ยังไม่มีรายงานความรุนแรงเกิดขึ้นในพื้นที่ซึ่งมีกบฏแบ่งแยกดินแดน

ด้านนักวิเคราะห์คาดหวังว่า การดำรงตำแหน่างสมัยที่สองของซุซิโลจะเร่งและขยายขอบข่ายการปฏิรูปเร็วยิ่งขึ้น และดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ สร้างการจ้างงานและทำให้เศรษฐกิจเติบโต

ประธานาธิบดีซุซิโล วัย 59 ปีชอบแต่งเพลงรักในยามว่าง เขาเป็นผู้นำยอดนิยมที่สุดในยุคประชาธิปไตยของอินโดนีเซีย แม้ว่าจะขึ้นชื่อในเรื่องการตัดสินใจไม่เด็ดขาดและพื้นฐานเป็นผู้ภักดีต่ออดีตผู้นำซูฮาร์โต เขาให้คำมั่นว่าจะปฏิรูปเศรษฐกิจและสานต่อการต่อต้านการคอร์รัปชั่นในประเทศ

และหากเขาชนะการเลือกตั้งคราวนี้ เขาก็จะกลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่สามารถดำรงตำแหน่งได้ 2 สมัยติดต่อกันในประวัติศาสตร์ยุคประชาธิปไตยของอินโดนีเซีย