เอเอฟพี - ราคาน้ำมันดิ่งลงอย่างแรงเกือบ 3 ดอลลาร์เมื่อวันจันทร์(6) กลับมาอยู่ในระดับ 64 ดอลลาร์ เหตุตลาดกังวลต่อแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจตามหลังข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐฯ อันอ่อนแอ ขณะที่วอลล์สตรีทขยับเล็กน้อยหลังได้ปัจจัยบวกจากภาคบริการมาเหนี่ยวรั้งไว้
ราคาน้ำมันทรุดลงแม้ว่าจะมีเหตุโจมตีท่องลำเลียงน้ำมันครั้งใหม่ในไนจีเรีย ชาติผู้ส่งออกรายสำคัญของแอฟริกา ขณะที่ฝรั่งเศส และอังกฤษ เห็นพ้องที่จะกดดันชาติคู่หูในกลุ่มจี8 ให้สนับสนุนแผนสำหรับสร้างเสถียรภาพแก่ตลาดน้ำมันอันผันผวนง่ายนี้
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ร่วงลง 2.68 ดอลลาร์ จากราคาเมื่อวันพฤหัสบดี(2) ปิดที่ 64.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังช่วงวันหยุดยาว 3 วันในสหรัฐฯ ขณะที่เบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.56 ดอลลาร์ ปิดที่ 64.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเช่นกัน
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันดิ่งลงอย่างแรง คือ รายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่ระบุว่าตัวเลขคนว่างงานเพิ่มขึ้น 467,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน ซึ่งเกินความคาดหมายและส่งให้อัตราคนว่างงานของอเมริกาพุ่งขึ้นไปถึง 6.5 เปอร์เซ็นต์ สูงสุดในรอบ 26 ปี
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสานในวันจันทร์(6) เนื่องจากผลสำรวจทางภาคบริการสหรัฐฯที่ดีเกินความคาดหมายได้ช่วยบรรเทาความผิดหวังต่อข้อมูลทางภาคแรงงาน
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 44.13 จุด (0.53 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 8,324.87 จุด แนสแดก ลดลง 9.12 จุด (0.51 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,787.40 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 2.30 จุด (0.26 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 898.72 จุด
ในช่วงเปิดการซื้อขาย ดัชนีแกว่งตัวลงในอยู่ในแดนลบตามแนวโน้มของตลาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ตลาดมึนงงต่อรายงานตัวเลขคนว่างงานของรัฐบาลสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ตลาดสามารถดีดตัวกลับมาได้สำเร็จ หลังได้แรงหนุนจากผลสำรวจของสถาบันเพื่อการบริหารจัดการซัปพลาย (ไอเอสเอ็ม) ต่อภาคบริการที่ตัวเลขที่ออกมาดีเกินความคาดหมายโดยเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 47 เปอร์เซ็นต์