ซีเอ็นเอ็น - ธุรกิจโรงแรมม่านรูดในญี่ปุ่น หรือที่เรียกกันว่า “Love Hotel” หรือ Leisure Hotel” ยังไปได้ดี แม้ญี่ปุ่นซึ่งมีเศรษฐกิจที่ใหญ่มี่สุดในเอเชียกำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงสุดนับจากสงครามโลกครั้งที่ 2
คู่หนุ่มสาวรายหนึ่งที่เข้ามาใช้บริการโรงแรมม่านรูดในกรุงโตเกียว มองว่า มนุษย์ทั่วไปล้วนมีความปรารถนาทางเพศ และอยากหาสถานที่มิดชิดใช้เวลาอยู่กับคนรัก ดังนั้น แม้ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ก็ตาม ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการเข้าใช้บริการโรงแรมในลักษณะนี้ ด้วยเหตุนี้ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โรงแรมม่านรูดทุกแห่งจึงมีคู่รักเข้าใช้บริการอย่างคับคั่ง
กระนั้น แม้มองว่า เป็นการแสดงความรักต่อกันอย่างธรรมดา แต่เมื่อเอ่ยถามชื่อของพวกเขา พวกเขาก็หัวเราะด้วยความเขินอาย
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความหนาแน่นของประชากรสูง คู่หนุ่มสาวจึงมีทางเลือกน้อยมากที่จะได้พบปะกันในสถานที่ส่วนตัว ธุรกิจโรงแรมม่านรูดจึงมาเติมเต็มความต้องการตรงส่วนนี้ได้พอดี บริษัทแมนส์ฟีลด์ในญี่ปุ่นคาดการณ์ว่า ธุรกิจโรงแรมม่านรูดในญี่ปุ่นสร้างรายได้มากถึง 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.36 ล้านล้านบาทต่อปี
ห้องพักภายในโรงแรมม่านรูดจะมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ทั้งเครื่องเล่นคาราโอเกะ เกมเพลย์สเตชั่น เครื่องเล่นดีวีดี เครื่องสำอางหลากหลายประเภท ถุงยางอนามัย รวมถึงอ่างจากุชซีทั้งที่ตั้งอยู่ภายในห้อง หรือตั้งอยู่กลางแจ้ง
ส่วนโรงแรงที่มีคนคับคั่งมากที่สุดแห่งหนึ่งคือโรงแรมโบนิตะในเมืองไอซาวะ ซึ่งมีอัตราจองร้อย 257 และสามารถพักได้ตั้งแต่ 3-24 ชั่วโมง
และแม้กฎหมายญี่ปุ่นระบุให้โรงแรมแต่ละแห่งต้องจัดโต๊ะส่วนหน้าพร้อมเจ้าหน้าที่ไว้ต้อนรับลูกค้า แต่เนื่องจากแขกที่เข้าใช้บริการโรงแรมม่านรูดส่วนใหญ่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากที่สุด โรงแรมม่านรูดในญี่ปุ่นจึงเสนอบริการให้ลูกค้าสามารถจองห้องและเดินเข้าโรงแรมได้เลย โดยไม่ต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่โรงแรมโดยตรง
บริษัท แมนส์ฟีลด์ ยอมรับว่า คนญี่ปุ่นในปัจจุบันไม่ค่อยเขินอายที่จะใช้บริการโรงแรมม่านรูด สังเกตได้จากแขกที่เข้าพักในโรงแรมสังกัดของแมนส์ฟีลด์ร้อยละ 75 จะมาใช้บริการอยู่เป็นประจำ ซึ่งทางโรงแรมจะแจกบัตรสะสมแต้ม ถ้าเข้าพักได้ตามแต้มที่กำหนดไว้ก็จะได้รับของกำนัล
นอกจากนี้ โรงแรมม่านรูดในญี่ปุ่นก็ตกแต่งตัวอาคารสถานที่ได้อย่างน่าดึงดูด บางแห่งเช่นในเมืองโอซากานำตัวการ์ตูนเฮลโลคิตตี้มาตกแต่งทั่วทั้งโรงแรม บางห้องพักมีม้าหมุนไว้บริการ หรือบางแห่งอย่างในกรุงโตเกียวมีห้องสวีทที่มีอ่างจากุซซีขนาดใหญ่และห้องอบซาวน่าให้ด้วย โดยคิดค่าบริการ 190 ดอลลาร์หรือประมาณ 6,600 บาท
ธุรกิจนี้ดูเหมือนว่าจะเติบโตได้ดีมากจนกระทั่งซีอีโอของแมนฟิลด์ไปกรุงลอนดอนมาแล้ว เพื่อหาลูทางลงทุนขยายกิจการต่อไป หลังจากมีอยู่แล้ว 6 สาขาในญี่ปุ่น