xs
xsm
sm
md
lg

ชาวแก่งประลอมพึ่งสื่อเป็นกระบอกเสียงจี้หน่วยงานรัฐจัดการทหารยศ "พันตรี" ลอบตัดไม้สัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - ชาวบ้านแก่งประลอม ตำบลไทรโยค กาญจนบุรี ขอพึ่งสื่อเพื่อเป็นกระบอกเสียง เรียกร้องขอให้หน่วยงานรัฐเข้าช่วยเหลือ เหตุทหารยศ พันตรี สังกัดกองการเกษตรฯ ไล่ที่

ความคืบหน้ากรณี นายพันงาม สะอาดชื่น อายุ 44 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 บ้านแก่งประลอม ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ได้เดินทางมาร้องเรียนสื่อมวลชน พร้อมกับมอบรูปถ่ายการตัดไม้โดยบอกว่า เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2552 เวลา 10.30 น.ที่ผ่านมาได้รับแจ้งจากลูกบ้านบ้านแก่งประลอมว่านายทหารยศ พ.ต.ซึ่งเป็นนายทหารสังกัดหน่วยทหารกองการเกษตรและสหกรณ์ สน.ทหารพัฒนาหน่วยบัญชาการทหารพัฒนาฯ (โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช) ลักลอบเข้าไปตัดไม้สักในพื้นที่ของ “โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” เป็นจำนวนมาก ซึ่งไม้สักที่ถูกตัดมีขนาดใหญ่จำนวน 2 ต้นถูกโค่นล้มลงมา ซึ่งไม้สักที่ถูกโค่นล้มได้ถูกตัดออกเป็นท่อนๆมีขนาดความยาวของแต่ละท่อนประมาณ ท่อนละ 3 เมตร ไม้สัก 1 ต้น ตัดเป็นท่อนๆได้ 8 ท่อน

ดังนั้น วันนี้ (19 มิ.ย.52) เวลา 13.00 น. คณะผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางลงไปพื้นที่บ้านแก่งประลอม หมู่ 1 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เพื่อพบกับผู้นำหมู่บ้าน และชาวบ้านบ้านแก่งประลอม เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึงพบว่ามีชาวบ้านประมาณ 50 คน นั่งประชุมกันอยู่ที่ ที่ทำการกองทุนบ้านแก่งประลอม โดยมีนายสำเนียง นาคเลื่อมใส ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ้านแก่งประลอม นายพจนา ศิริวิบูลย์ อายุ 59 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ้านแก่งประลอม นายพันเลิศ ร้าแรง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ้านแก่งประลอม นายสันติ คงเกตุ อายุ 48 ปี สมาชิก อบต.บ้านแก่งประลอม นางสังเวียน ณ.นิยม อายุ 52 ปี สมาชิก อบต.บ้านแก่งประลอม ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปสอบถามถึงข้อเท็จจริง

นายสำเนียง นาคเลื่อมใส ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ้านแก่งประลอม เปิดเผยว่า ชาวบ้านบ้านแก่งประลอมทั้งหมดมี 105 หลังคาเรือน มีประชนชนทั้งสิ้น 350 คน ซึ่งส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกร หน้าเห็ดก็หาเห็หขาย และหาไม้ไผ่มาถักสานเข่งขาย เพื่อให้มีรายได้มาจุนเจือคนในครอบครัว และทุกคนทำอาชีพนี้มานานแล้ว ซึ่งทหารสังกัดหน่วยทหารกองการเกษตรและสหกรณ์ สน.ทหารพัฒนาหน่วยบัญชาการทหารพัฒนาฯ (โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช) ก็เข้ามาให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดี และประชาชนก็ให้ความนับถือทหารทุกคนตลอดมา

แต่เมื่อประมาณ 4 ปีที่ผ่านมานี้ ได้มีนายทหาร ยศ พ.ต.หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ผู้พันช้าง ซึ่งเป็นนายทหารสังกัดหน่วยทหารกองการเกษตรและสหกรณ์ สน.ทหารพัฒนาหน่วยบัญชาการทหารพัฒนาฯ (โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช) ได้ย้ายเข้ามา ก็สร้างแต่ความเดือดร้อนกับกับชาวบ้านตลอดมา ซึ่งนายทหารคนนี้ไม่เคยเห็นชาวบ้านอยู่ในสายตาเลย มีแต่คอยรังแกชาวบ้าน ซึ่งบางครั้งชาวบ้านออกไปหาหน่อไม้ เมื่อได้มาก็จะเข้าจับกุมบ้าง ใช้เท้าเตะตะกร้าหน่อไม้บ้าง

หลังจากนั้นก็จะมาเอาหน่อไม้ไปทำกินที่บ้านเฉยเลย ซึ่งบางครั้ง ผู้พันช้างคนนี้ยังมาตัดต้นสักของชาวบ้านที่ปลูกไว้มานานหลายปี แต่ชาวบ้านก็ไม่สามารถทำอะไรได้ สร้างความเดือดร้อนให้กับทุกคนในหมู่บ้านบ้านแก่งประลอมเป็นอย่างมาก

ด้านนายสันติ คงเกตุ ส.อบต.แก่งประลอม เปิดเผยว่า ผู้พันช้างหลังจากที่ย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ ก็จะพูดจาข่มขู่ชาวบ้านอยู่เป็นประจำ โดยพูดจาด้วยคำหยาบคายต่างๆ นานา โดยเฉพาะกับผู้หญิง แต่ที่หนักที่สุด ทุกวันนี้ประชาชนทุกคนและทุกครอบครัวรวม 105 หลังคาเรือน จะไม่มีที่อยู่กันแล้ว เนื่องจากว่า ผู้พันช้างคนนี้ได้พยายามขับไล่ให้ทุกคนออกไอยู่ที่อื่นซึ่งชาวบ้านก็ไม่ทราบว่าจะไปอยู่ที่ไหน

โดยผู้พันช้างได้อ้างเหตุผลว่า ที่ของชาวบ้านบ้านแก่งประลอม อยู่ในเขต “โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ซึ่งความจริง ทุกครอบครัวอยู่อาศัยกันมาก่อนที่จะมีการประกาศให้เป็นพื้นที่ของโครงการเสียอีก ซึ่งบางคนอยู่มาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยซ้ำไป

นายสันติ คงเกตุ เปิดเผยต่อไปว่า ขณะนี้ นายพันงาม สะอาดชื่น อายุ 44 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ได้เดินทางเข้า กทม.เพื่อไปที่รัฐสภา ยื่นหนังสือให้กับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งยื่นหนังสือให้กับ นายกรัฐมนตรีด้วย เพื่อขอความช่วยเหลือ

สำหรับ “โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ดังนั้น ทหารไม่ควรเข้มมายุ่งกับพื้นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านและที่ทำกินของชาวบ้าน แต่ผู้พันช้างก็ยังจะมาขับไล่ชาวบ้านให้ออกจากพื้นที่ตลอดเวลา พวกเราชาวบ้านบ้านแก่งประลอมทั้งหมดขอเรียกร้องให้สื่อมวลชนช่วยเหลือในการนำเสนอข่าว เพื่อให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองลงมาช่วยดูแล รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้มาช่วยเหลือพวกเราด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากทราบปัญหาของชาวบ้านบ้านแก่งประลอมถึงความเดือดร้อนที่ได้รับจากการกระทำของนายทหาร ยศ พ.ต.ที่ประจำอยู่สังกัดหน่วยทหารกองการเกษตรและสหกรณ์ สน.ทหารพัฒนาหน่วยบัญชาการทหารพัฒนาฯ (โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช) จึงได้เดินทางไปหน่วยทหารดังกล่าว เพื่อสัมภาษณ์ความจริง แต่เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึงประกฎว่า ผู้พันช้าง ไม่อยู่ ผู้สื่อข่าวจึงได้โทรศัพท์ไปหา พ.อ.ธนัช บุญอารักษ์ ผอ.กองการเกษตรและสหกรณ์ สน.ทหารพัฒนาหน่วยบัญชาการทหารพัฒนาฯ (โครงการพันธุกรรมพืช) ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา พันตรีช้าง แต่ไม่มีผู้รับสาย ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางกลับ





กำลังโหลดความคิดเห็น