อิหร่านจับ จนท.สถานทูต “ผู้ดี” พัวพันม็อบ

เอเจนซี/เอเอฟพี - ชาวอิหร่าน 8 คนที่ทำงานให้สถานทูตอังกฤษ ในกรุงเตหะราน ถูกทางการนำตัวไปสอบสวนด้วยข้อหามีส่วนพัวพันกับเหตุวุ่นวายหลังประกาศผลเลือกตั้งประธานาธิบดี ขณะที่แกนนำฝ่ายค้านยืนยันไม่ยอมรับข้อเสนอของทางการให้นับคะแนนใหม่เป็นบางส่วน ด้านผู้นำศาสนาอ้าง “เนดา” ถูกผู้ประท้วงด้วยกันเองยิงดับ

สำนักข่าวฟาร์สของอิหร่าน รายงานวันนี้ (28) ว่า ลูกจ้างชาวอิหร่านจำนวน 8 คนของสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษในกรุงเตหะราน ถูกควบคุมตัวเพื่อนำไปสอบสวน โดยถูกระบุว่าเกี่ยวข้องกับเหตุวุ่นวายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดี

นักวิเคราะห์ระบุว่า ท่าทีล่าสุดของทางการอิหร่านจะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์กับอังกฤษย่ำแย่ลงอีก หลังจากก่อนหน้านี้ อิหร่านกล่าวหาอังกฤษ ว่า แทรกแซงกิจการภายในของตนจนนำไปสู่การขับทูตระหว่างทั้ง 2 ประเทศเมื่อสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยชะตากรรมของชาวอิหร่านทั้ง 8 คนแต่อย่างใด ขณะที่ญาติเผยว่าผู้ถูกจับกุมคนหนึ่งออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าวันเสาร์ (27) และไม่สามารถติดต่อได้

เดวิด มิลิแบนด์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ให้สัมภาษณ์ที่เกาะคอร์ฟู ในกรีซ วันนี้ (28) โดยประณามการจับกุมชาวอิหร่านทั้ง 8 คน ว่า เป็นการคุกคามอย่างถึงที่สุด ซึ่งอังกฤษไม่อาจยอมรับได้ พร้อมเรียกร้องให้ปล่อยตัวทั้งหมดโดยเร็ว

โฆษกกระทรวงต่างประเทศอังกฤษ เผยว่า ได้รับรายงานลักษณะดังกล่าวเป็นจำนวนมากในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ว่า มีชาวอังกฤษ หรือผู้เกี่ยวข้องกับอังกฤษถูกควบคุมตัว ซึ่งรัฐบาลอังกฤษรู้สึกไม่สบายใจและจะเร่งหารือกับอิหร่านต่อไป

ขณะที่ มีร์ ฮอสเซน มูซาวี อดีตนายกรัฐมนตรีอิหร่าน ผู้ได้คะแนนเลือกตั้งเป็นอันดับ 2 ในการเลือกตั้งเมื่อ 12 มิถุนายน ที่ผ่านมา ยืนยันให้จัดการเลือกตั้งใหม่ และเรียกร้องให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลในการเลือกตั้ง โดยยืนยันจะไม่ยอมรับข้อเสนอของสภาผู้พิทักษ์รัฐธรรมนูญของอิหร่าน ที่ขอให้ผู้สมัครทุกคนร่วมมือกับคณะกรรมการที่สภาตั้งขึ้นให้นับคะแนนเลือกตั้งใหม่จำนวนร้อยละ 10

ด้าน อยาตอลเลาะห์ อาเหม็ด คาตามี ผู้นำศาสนาระดับสูงของอิหร่าน เรียกร้องให้ทางการลงโทษกลุ่มผู้คัดค้านผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีด้วยการประหารชีวิต เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นการประกาศสงครามกับพระผู้เป็นเจ้า

นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนแสดงความกังวล ว่า รัฐบาลอิหร่านอาจทำตามคำเรียกร้องของคาตามี ด้วยการประหารชีวิตผู้ชุมนุม เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยมีการตัดสินประหารชีวิตนักศึกษาอิหร่านที่ลุกฮือก่อจลาจล เมื่อปี 1999 หลายราย และกระบวนการยุติธรรมอิหร่านยังตกอยู่ในอิทธิพลของแกนนำทางศาสนา ซึ่งทำให้ผู้ถูกกล่าวหาไม่มีโอกาสได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม

นอกจากนั้น คาตามี ยังกล่าวว่า เนดา อักฮา โซลตัน นักศึกษาสาวที่เสียชีวิตระหว่างชุมนุมประท้วงนั้น เป็นเพราะถูกกระสุนปืนจากกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงด้วยกันเอง ไม่ใช่ฝีมือของทางการแต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดี มะห์มูด อะห์มาดิเนจัด ยืนยันว่า ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ยังไม่หยุดแทรกแซงกิจการภายในของอิหร่าน โดยยังวิจารณ์การที่รัฐบาลอิหร่านกวาดล้างผู้ประท้วงอย่างต่อเนื่อง พร้อมเตือนให้โอบามาเปลี่ยนทัศนคติผิดๆ ที่มีต่ออิหร่านเสียใหม่ หากยังหวังให้ความบาดหมางระหว่างอิหร่าน-สหรัฐฯ ยุติลงในอนาคต

ท่าทีล่าสุดของผู้นำอิหร่าน มีขึ้นหลังจากที่เมื่อวันเสาร์ (27) โอบามา และนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ผู้นำเยอรมนี ร่วมกันประณามอิหร่านที่ปราบปรามผู้ประท้วงด้วยความรุนแรง และโอบามา ยังกล่าวยกย่องชาวอิหร่านที่เข้าร่วมการประท้วง ว่า เป็นผู้ที่กล้าหาญในการเผชิญหน้ากับความไม่ถูกต้อง