เอเอฟพี - ราคาน้ำมันดิ่งลงอย่างรุนแรงเมื่อวันจันทร์(22) เหตุความกังวลทางเศรษกิจก่อความวิตกทางอุปทานท่ามกลางความตึงเครียดในอิหร่าน และไนจีเรีย ขณะที่วอลล์สตรีทก็ปรับลดเช่นกัน หลังมีแรงเทขายของหุ้นกลุ่มการเงินและพลังงาน
นอกจากนี้ การปรับลดของราคาน้ำมันยังเกิดจากแรงกดดันของการแข็งค่าของดอลลาร์และแรงเทขายทำกำไรจากนักลงทุนหลังราคาขยับขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา จนทะลุขึ้นไปเหนือระดับ 72 ดอลลาร์
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์(22) ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดสัญญางวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 2.62 ดอลลาร์ ปิดที่ 66.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญางวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ที่จะเข้ามาแทนที่ในวันอังคาร(23) ปิดที่ 67.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 2.21 ดอลลาร์ ปิดที่ 66.98 ดอลลาร์
บรรดาเทรดเดอร์ระบุว่า ความกังวลกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากวิกฤตปัจจุบันที่มีทีท่าต้องยืดเยื้อออกไป หลังจากธนาคารโลกเมื่อวันจันทร์(22) ได้ปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนา โดยบอกว่าจะขยายตัวเพียง 1.2 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกับเตือนว่าให้ออกมาตรการต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับความพยายามมกอบกู้เศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันขยับขึ้นได้แม้มีปัจจัยความกังวลด้านอุปทาน จากเหตุพายุทางการเมืองในอิหร่านตามหลังผลการเลือกตั้งที่กำลังขยายตัวเรื่อยๆและกรณีกลุ่มกบฎไนจีเรียอ้างว่าได้โจมตีโรงกลั้นน้ำมันของบริษัทรอยัลดัตช์เชลล์ 3 แห่งรวดภายในวันเดียว
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์(22) ดิ่งลงอย่างมาก นับเป็นการปิดในแดนลบวันเดียวรุนแรงสุดในรอบ 2 เดือน ตามแรงเทขายกลุ่มการเงินและพลังงานของต่างชาติขณะที่นักลงทุนกำลังไตร่ตรองสุขภาพทางเศรษฐกิจใหม่
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 200.72 จุด (2.35 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 8,339.01 จุด แนสแดค ลดลง 61.28 จุด (3.35 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,766.04 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 28.19 จุด (3.06 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 893.04 จุด