เอเอฟพี - ราคาน้ำมันยังทำสถิติสูงสุดในรอบ 6 เดือนครั้งใหม่ต่อเนื่องจนถึงวันศุกร์(29) ล่าสุดขยับขึ้นไปเหนือ 66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตามหลังข้อมูลของสหรัฐฯ ญี่ปุ่นและอินเดีย ที่บ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจกำลังคลี่คลาย และปัจจัยด้วยดังกล่าวได้ผลักให้วอลล์สตรีททะยานขึ้นไปเกือบ 100 จุดเช่นกัน
ราคาน้ำมันปรับขึ้นราว 30 เปอร์เซ็นต์ในเดือนพฤษภาคม นับเป็นเดือนที่ราคาขยับขึ้นมากที่สุดตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 1999 หลังได้แรงกระตุ้นจากความคาดหมายว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวในช่วงปลายปีนี้
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 1.23 ดอลลาร์ ปิดที่ 66.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายนปีก่อน ขณะที่เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.13 ดอลลาร์ ปิดที่ 65.52 ดอลลาร์ สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายนเช่นกัน
ตามข้อมูลในวันศุกร์(29) ระบุว่าผลผลิตอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 5.2 เปอร์เซ็นต์ในเดือนเมษายน และรัฐบาลคาดหมายว่าตัวเลขดังกล่าวน่าจะขยับขึ้นอีกในเดือนมิถุนายน
ขณะที่ข้อมูลการเติบโตของสหรัฐฯในวันเดียวกัน ก็สนับสนุนเหตุผลว่าเศรษฐกิจอันดำดิ่งของโลกกำลังคลี่คลาย
กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯระบุว่าเศรษฐกิจขแงประเทศในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ได้หดตัวน้อยกว่าที่คาดคะเนในเบื้องต้น โดยหดตัวร้อยละ 5.7 จากเดิมคาดหมายไว้ว่าจะหดตัวถึงร้อยละ 6.1
ด้านอินเดียแถลงวันศุกร์(29)ว่า เศรษฐกิจแดนภารตะยังสามารถขยายตัวในอัตรา 6.7 % ในปีงบประมาณที่ผ่านมา (เม.ย.2008-มี.ค.2009) ซึ่งนับเป็นอัตราการขยายตัวที่ดีเกินความคาดหมาย
จากปัจจัยข้างต้นยังได้ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทะยานขึ้นไปเกือบ 100 จุดในวันศุกร์(29) แม้นักลงทุนยังมีความกังวลต่อข่าวเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ทำท่าเข้าใกล้ภาวะล้มละลายก็ตาม
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 96.53 จุด (1.15 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 8,500.33 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 12.31 จุด (1.36 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 919.14 จุด แนสแดก เพิ่มขึ้น 22.54 จุด (1.29 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,774.33 จุด
