(จากเอเชียไทมส์ออนไลน์www.atimes.com)
Al-Qaeda keeps its eyes on Afghanistan
By Syed Saleem Shahzad
22/05/2009
หน่วยปฏิบัติการหน่วยหนึ่งของพวกหัวรุนแรงกำลังจะลงมือทำการลอบสังหารผู้บัญชาการกองทัพบกปากีสถาน พลเอก อัชฟัค ปาร์เวซ คิอานี อยู่แล้วเมื่อปี 2008 ทว่าถูกสั่งระงับโดยพวกผู้นำระดับสูงของอัลกออิดะห์ ทั้งนี้ตามการเปิดเผยของบุคคลวงในอัลกออิดะห์ผู้หนึ่งต่อเอเชียไทมส์ออนไลน์ สาเหตุของการหยุดปฏิบัติการ ก็เนื่องจากอัลกออิดะห์กลัวว่า ปฏิกิริยาต่อเนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวจะสร้างความเสียหายให้แก่วัตถุประสงค์โดยองค์รวมของพวกเขา นั่นก็คือการเอาชนะสงครามในอัฟกานิสถาน
(หมายเหตุบรรณาธิการ: รายงานข่าวชิ้นนี้ต่อเนื่องจากรายงานชิ้นก่อน ซึ่งในเนื้อหามีการสัมภาษณ์นักอุดมการณ์ระดับสูงคนหนึ่ง ผู้ยอมพูดกับเอเชียไทมส์ออนไลน์ด้วยเงื่อนไขว่าในการเขียนข่าวจะต้องไม่เอ่ยหรือพาดพิงถึงชื่อของชายผู้นี้ หรือสถานที่ของการพบปะกัน ดูเรื่อง อัลกออิดะห์พยายามสร้างพันธมิตรใหม่)
แคว้นพรมแดนตะวันตกเฉียงเหนือ (NORTH-WEST FRONTIER PROVINCE), ปากีสถาน – หน่วยปฏิบัติการที่เชื่อมโยงกับอัลกออิดะห์หน่วยหนึ่ง ซึ่งมี อิลยาส กัศมิรี (Ilyas Kashmiri) หัวหน้ากองจรยุทธ์เจนศึกชาวแคชเมียร์ เป็นผู้นำ ได้จัดแจงวางแผนการรายละเอียดเพื่อการลอบสังหารผู้บัญชาการทหารบกปากีสถาน พลเอก อัชฟัค ปาร์เวซ คิอานี (General Ashfaq Parvez Kiani) จนเสร็จสรรพเรียบร้อยในปี 2008 ทว่าเมื่อเรื่องถูกส่งไปยังหน่วยเหนือระดับสูงสุดของอัลกออิดะห์เพื่อขออนุมัติ พวกเขาก็ได้รับคำสั่งให้ยุติแผนการนี้โดยทันที
นักอุดมการณ์ระดับสูงผู้นี้บอกว่า อัลกออิดะห์ในตอนนั้นรู้สึกว่า หากดำเนินการลอบสังหารดังกล่าว ปากีสถานก็จะกลายเป็นพื้นที่สู้รบระหว่างกองกำลังทหารตำรวจปากีสถานกับพวกหัวรุนแรง โดยผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุดกลับจะเป็นอินเดียและสหรัฐฯ
ด้วยเหตุนี้เอง หน่วยปฏิบัติการต่างๆ ของอัลกออิดะห์จึงได้รับคำแนะนำให้ทำงานเพื่อยุทธศาสตร์ที่กว้างไกลยิ่งกว่า อันได้แก่การยังความปราชัยให้แก่กองกำลังทหารฝ่ายตะวันตกในอัฟกานิสถาน พวกเขาได้รับการชี้แจงว่า หากอัลกออิดะห์จะลงมือเล่นงานใดๆ ต่อปากีสถาน, อินเดีย, และอิหร่านแล้ว ก็ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำให้ประเทศเหล่านี้ไร้เสถียรภาพเลย หากแต่เพื่อถ่วงดึงพวกเขาไม่ให้มุ่งหน้าสนับสนุน “สงครามต่อสู้การก่อการร้าย” ที่นำโดยสหรัฐฯ จะได้เกิดความสมดุลซึ่งอำนวยผลดีให้แก่ขบวนการต่อต้านแอนตี้ตะวันตก
แต่แล้วสิ่งที่ปรากฏในเวลานี้ก็คือ กองทัพปากีสถานที่ดูจะถูกแรงกดดันอย่างหนักหน่วงจากสหรัฐฯ กำลังเปิดยุทธการทางทหารครั้งมโหฬาร เพื่อเล่นงานพวกหัวรุนแรงในพื้นที่สวัต (Swat) ของแคว้นพรมแดนตะวันตกเฉียงเหนือ
ปากีสถานได้ส่งทหารจำนวนหลายหมื่นคน สนับสนุนด้วยกำลังทางอากาศ เพื่อสู้รบกับพวกหัวรุนแรงราว 4,000 คนในสวัตและเขตใกล้เคียง ทางฝ่ายหัวรนแรงถูกทางการปากีสถานกล่าวหาว่าไม่ทำตามข้อตกลงสันติภาพที่ลงนามกันไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ แถมในเดือนที่แล้วยังเคลื่อนกำลังมุ่งสู่เมืองหลวงอิสลามาบัดอีกด้วย
ในวันศุกร์(22) สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า พวกเจ้าหน้าที่ปากีสถานอ้างว่า มีกองกำลังที่เป็นชาวต่างชาติกำลังช่วยพวกหัวรุนแรงตอลิบานในการสู้รบคราวนี้ โดยในกำลังต่างชาติเหล่านี้มีกลุ่มนักรบที่มาจากอุซเบกิสถาน และเชชเนีย ด้วย การสู้รบในระยะ 10 วันที่ผ่านมา ได้บังคับให้ประชาชนร่วม 2 ล้านคนต้องอพยพหลบหนีจากจากพื้นที่แถบนั้น จำนวนนี้เป็นการเพิ่มเติมจากผู้ลี้ภัยราว 500,000 คนซึ่งหลบหนีการสู้รบมาก่อนหน้านี้
**แผนลอบสังหารผบ.ทบ.ปากีสถาน**
หน่วยปฏิบัติการอัลกออิดะห์หน่วยหนึ่ง สามารถจับร่องรอยได้เมื่อปี 2008 ว่า คิอานีนั้นชอบไปยังโรงยิมแห่งหนึ่งเป็นประจำทุกวัน โดยที่การรักษาความปลอดภัยก็มีช่องโหว่ ซึ่งทำให้สามารถเล่นงานเขาได้ด้วยการใช้มือระเบิดฆ่าตัวตาย ขณะที่เขาก้าวลงจากรถของเขา ทั้งนี้ได้มีการวางแผนการรายละเอียดเพื่อสังหารเขา รวมทั้งได้มีการคัดเลือกทีมล่าสังหาร ซึ่งคัดจากกลุ่ม จูนูดุล ฟิดา (Junudul Fida) ของกองกำลัง 313 (Brigade 313)
ทว่านั่นคือความคืบหน้าสุดท้ายของแผนการนี้ ภายหลังจากคณะผู้นำอัลกออิดะห์มีโอกาสแสดงความเห็นของพวกเขา
“มีกฎหมายชาริอะห์ (กฎหมายอิสลาม) ที่สามารถใช้อ้างอิงได้ว่าการฆ่าเขาเสียเป็นเรื่องที่ชอบธรรม ทว่าในเวลานั้นก็มี ฮิคมัต (hikmat ยุทธศาสตร์) ซึ่งการฆ่าเขาจะกลายเป็นการก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง” นักอุดมการณ์ผู้นี้บอก
“กองทัพปากีสถานคงจะเปิดสงครามเต็มรูปแบบในพื้นที่ชนเผ่า และเราก็คงจะตอบโต้ด้วยความเข้มแข็งพอๆ กัน จากการกระทำเช่นนั้น ปากีสถานก็จะกลายเป็นสมรภูมิ และพวกศัตรูอย่างอินเดียและสหรัฐฯ ก็จะมีโอกาสเข้ามาแทรกแซง ถึงแม้ตามเอกสารของเรา เราไม่ถือว่ามีปากีสถานดำรงอยู่ แต่แน่นอนว่าเราไม่ต้องการให้พวกศัตรูของอิสลามฉวยประโยชน์จากสถานการณ์ใดๆ”
สิ่งที่อัลกออิดะห์ให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกๆ ก็คือการใช้จุดโดดเด่นแยบคายทางธรรมชาติเป็นเครื่องขีดแบ่งอาณาเขตเพื่อต่อสู้ต้านทานกองกำลังทหารตำรวจของทางการ ความสำเร็จในเป้าหมายแรกเลยก็คือการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในพื้นที่ตามแนวเทือกเขาฮินดูกูฏ (Hindu Kush) ตั้งแต่หุบเขาเตระห์ (Terah Valley) ในเขตไคเบอร์ เอเยนซี (Khyber Agency) ขึ้นไปจนถึงเขตตุรบาน (Turban) ของแคว้นบาลูจิสถาน (Balochistan) ของปากีสถาน ซึ่งมีชายแดนติดกับอิหร่าน
สำหรับเป้าหมายจุดที่สอง ได้แก่การผลักดันกองกำลังทางการปากีสถานให้ถอยกลับไปอยู่หลังแม่น้ำสินธุ (Indus) ต้นกำเนิดของแม่น้ำสินธุนั้นอยู่ในทิเบต โดยตัวแม่น้ำถือว่าเริ่มต้นขึ้นตรงจุดบรรจบกันของแม่น้ำเสงเก (Sengge) และแม่น้ำการ์ (Gar) ซึ่งรับน้ำจากทิวเขางางลอง กังรี (Nganglong Kangri) และ กังดิส ชาน (Gangdise Shan) จากนั้นแม่น้ำสินธุก็ไหลไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ผ่าน ลาดัค (Ladakh) และ บัลติสตัน (Baltistan) เข้าสู่ กิลกิต (Gilgit) ซึ่งอยู่ประชิดทางใต้ของเทือกเขาคาราโครัม (Karakoram) มีแม่น้ำชะยอค (Shyok), ลำธารชิการ์ (Shigar) และลำธารกิลกิต (Gilgit) นำเอาน้ำจากธารน้ำแข็งไหลลงสู่ตัวแม่น้ำใหญ่ จากนั้นแม่น้ำสินธุก็เลี้ยวลงทางใต้ และออกมาจากเขตภูเขาตรงระหว่างเมืองเปชาวาร์ (Peshawar) กับเมืองราวัลปินดี (Rawalpindi) ในปากีสถาน
เป้าหมายที่สองนี้โดยสาระแล้วจึงหมายความว่า พวกหัวรุนแรงจะยินยอมให้รัฐสำแดงอำนาจได้จนกระทั่งถึงแคว้นปัญจาบ (Punjab) และแคว้นสินธุ์ (Sindh) แต่พวกเขาต้องการมีอำนาจควบคุมอย่างสมบูรณ์ในหลายๆ ส่วนของแคว้นพรมแดนตะวันตกเฉียงเหนือ และหลายๆ ส่วนของบาลูจิสถาน
นักอุดมการณ์ผู้นี้เน้นย้ำว่า อัลกออิดะห์ไม่ได้มีความประสงค์ที่จะแสดงความเป็นปรปักษ์ใดๆ ต่อรัฐปากีสถานหรือบรรดาสถาบันของรัฐปากีสถาน ข้อความในเรื่องนี้ทางคณะผู้นำอัลกออิดะห์ได้แจ้งให้ทราบกันแล้ว เมื่อพวกเขาพบปะหารือกับคณะผู้แทนระดับสูงของพวกตอลิบานในเขตชนเผ่าวาซิริสถานเหนือ (North Waziristan) ตรงบริเวณชายแดนติดต่อกับอัฟกานิถานเมื่อสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา
คณะผู้แทนดังกล่าวมี มุลลาห์ บราดาร์ (Mullah Bradar) เป็นหัวหน้า และเขาก็ได้นำเอาสารของ มุลลาห์ โอมาร์ (Mullah Omar) ผู้นำของตอลิบานมาแจ้งเช่นกัน โดยสารดังกล่าวระบุว่า อัลกออิดะห์ควรหลีกเลี่ยงการเป็นปรปักษ์กับพวกกองกำลังทหารตำรวจปากีสถาน คณะผู้แทนถึงขั้นเตือนอัลกออิดะห์แบบอ้อมๆ ว่า ถ้าไม่ยุติการเป็นปรักษ์กับปากีสถานและกับกองกำลังทหารตำรวจของปากีสถานแล้ว อัลกออิดะห์ก็จะถูกมองว่ากำลังสร้างความเสียหายให้แก่อุดมการณ์แห่งอิสลาม
ทางด้านอัลกออิดะห์ย้ำเน้นว่า วัตถุประสงค์ของตนคือการทำให้กองกำลังทหารตำรวจปากีสถานกลายเป็นกลางใน “สงครามต่อสู้การก่อการร้าย” จุดหมายโดยรวมเลยก็คือเพื่อชนะสงครามในอัฟกานิสถาน เพื่อบรรลุจุดหมายดังกล่าวนี้ อัลกออิดะห์จึงจะยังคงรบกับพวกกองกำลังทหารตำรวจในเขตสวัต
เหตุผลของเรื่องนี้ก็เข้าใจได้ง่ายๆ นั่นคือ อัลกออิดะห์วิตกว่ากองทัพปากีสถานที่ตกอยู่ใต้แรงบีบคั้นของสหรัฐฯ มีแผนการที่จะเคลื่อนเข้าสู่เขตวาซิริสถานเหนือ และวาซิริสถานใต้ อันเป็นพื้นที่ซึ่งอัลกออิดะห์และตอลิบาน ต่างมีทรัพยากรอันมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดกับการต่อสู้ของพวกเขาในอัฟกานิสถาน ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่จะตรึงกำลังทหารเอาไว้ในพื้นที่สวัต
ไซเอด ซาลีม ชาห์ซาด เป็นหัวหน้าสำนักงานปากีสถานของเอเชียไทมส์ออนไลน์ สามารถที่จะติดต่อกับเขาได้ทางอีเมล์ saleem_sharzad2002@yahoo.com
Al-Qaeda keeps its eyes on Afghanistan
By Syed Saleem Shahzad
22/05/2009
หน่วยปฏิบัติการหน่วยหนึ่งของพวกหัวรุนแรงกำลังจะลงมือทำการลอบสังหารผู้บัญชาการกองทัพบกปากีสถาน พลเอก อัชฟัค ปาร์เวซ คิอานี อยู่แล้วเมื่อปี 2008 ทว่าถูกสั่งระงับโดยพวกผู้นำระดับสูงของอัลกออิดะห์ ทั้งนี้ตามการเปิดเผยของบุคคลวงในอัลกออิดะห์ผู้หนึ่งต่อเอเชียไทมส์ออนไลน์ สาเหตุของการหยุดปฏิบัติการ ก็เนื่องจากอัลกออิดะห์กลัวว่า ปฏิกิริยาต่อเนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวจะสร้างความเสียหายให้แก่วัตถุประสงค์โดยองค์รวมของพวกเขา นั่นก็คือการเอาชนะสงครามในอัฟกานิสถาน
(หมายเหตุบรรณาธิการ: รายงานข่าวชิ้นนี้ต่อเนื่องจากรายงานชิ้นก่อน ซึ่งในเนื้อหามีการสัมภาษณ์นักอุดมการณ์ระดับสูงคนหนึ่ง ผู้ยอมพูดกับเอเชียไทมส์ออนไลน์ด้วยเงื่อนไขว่าในการเขียนข่าวจะต้องไม่เอ่ยหรือพาดพิงถึงชื่อของชายผู้นี้ หรือสถานที่ของการพบปะกัน ดูเรื่อง
แคว้นพรมแดนตะวันตกเฉียงเหนือ (NORTH-WEST FRONTIER PROVINCE), ปากีสถาน – หน่วยปฏิบัติการที่เชื่อมโยงกับอัลกออิดะห์หน่วยหนึ่ง ซึ่งมี อิลยาส กัศมิรี (Ilyas Kashmiri) หัวหน้ากองจรยุทธ์เจนศึกชาวแคชเมียร์ เป็นผู้นำ ได้จัดแจงวางแผนการรายละเอียดเพื่อการลอบสังหารผู้บัญชาการทหารบกปากีสถาน พลเอก อัชฟัค ปาร์เวซ คิอานี (General Ashfaq Parvez Kiani) จนเสร็จสรรพเรียบร้อยในปี 2008 ทว่าเมื่อเรื่องถูกส่งไปยังหน่วยเหนือระดับสูงสุดของอัลกออิดะห์เพื่อขออนุมัติ พวกเขาก็ได้รับคำสั่งให้ยุติแผนการนี้โดยทันที
นักอุดมการณ์ระดับสูงผู้นี้บอกว่า อัลกออิดะห์ในตอนนั้นรู้สึกว่า หากดำเนินการลอบสังหารดังกล่าว ปากีสถานก็จะกลายเป็นพื้นที่สู้รบระหว่างกองกำลังทหารตำรวจปากีสถานกับพวกหัวรุนแรง โดยผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุดกลับจะเป็นอินเดียและสหรัฐฯ
ด้วยเหตุนี้เอง หน่วยปฏิบัติการต่างๆ ของอัลกออิดะห์จึงได้รับคำแนะนำให้ทำงานเพื่อยุทธศาสตร์ที่กว้างไกลยิ่งกว่า อันได้แก่การยังความปราชัยให้แก่กองกำลังทหารฝ่ายตะวันตกในอัฟกานิสถาน พวกเขาได้รับการชี้แจงว่า หากอัลกออิดะห์จะลงมือเล่นงานใดๆ ต่อปากีสถาน, อินเดีย, และอิหร่านแล้ว ก็ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำให้ประเทศเหล่านี้ไร้เสถียรภาพเลย หากแต่เพื่อถ่วงดึงพวกเขาไม่ให้มุ่งหน้าสนับสนุน “สงครามต่อสู้การก่อการร้าย” ที่นำโดยสหรัฐฯ จะได้เกิดความสมดุลซึ่งอำนวยผลดีให้แก่ขบวนการต่อต้านแอนตี้ตะวันตก
แต่แล้วสิ่งที่ปรากฏในเวลานี้ก็คือ กองทัพปากีสถานที่ดูจะถูกแรงกดดันอย่างหนักหน่วงจากสหรัฐฯ กำลังเปิดยุทธการทางทหารครั้งมโหฬาร เพื่อเล่นงานพวกหัวรุนแรงในพื้นที่สวัต (Swat) ของแคว้นพรมแดนตะวันตกเฉียงเหนือ
ปากีสถานได้ส่งทหารจำนวนหลายหมื่นคน สนับสนุนด้วยกำลังทางอากาศ เพื่อสู้รบกับพวกหัวรุนแรงราว 4,000 คนในสวัตและเขตใกล้เคียง ทางฝ่ายหัวรนแรงถูกทางการปากีสถานกล่าวหาว่าไม่ทำตามข้อตกลงสันติภาพที่ลงนามกันไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ แถมในเดือนที่แล้วยังเคลื่อนกำลังมุ่งสู่เมืองหลวงอิสลามาบัดอีกด้วย
ในวันศุกร์(22) สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า พวกเจ้าหน้าที่ปากีสถานอ้างว่า มีกองกำลังที่เป็นชาวต่างชาติกำลังช่วยพวกหัวรุนแรงตอลิบานในการสู้รบคราวนี้ โดยในกำลังต่างชาติเหล่านี้มีกลุ่มนักรบที่มาจากอุซเบกิสถาน และเชชเนีย ด้วย การสู้รบในระยะ 10 วันที่ผ่านมา ได้บังคับให้ประชาชนร่วม 2 ล้านคนต้องอพยพหลบหนีจากจากพื้นที่แถบนั้น จำนวนนี้เป็นการเพิ่มเติมจากผู้ลี้ภัยราว 500,000 คนซึ่งหลบหนีการสู้รบมาก่อนหน้านี้
**แผนลอบสังหารผบ.ทบ.ปากีสถาน**
หน่วยปฏิบัติการอัลกออิดะห์หน่วยหนึ่ง สามารถจับร่องรอยได้เมื่อปี 2008 ว่า คิอานีนั้นชอบไปยังโรงยิมแห่งหนึ่งเป็นประจำทุกวัน โดยที่การรักษาความปลอดภัยก็มีช่องโหว่ ซึ่งทำให้สามารถเล่นงานเขาได้ด้วยการใช้มือระเบิดฆ่าตัวตาย ขณะที่เขาก้าวลงจากรถของเขา ทั้งนี้ได้มีการวางแผนการรายละเอียดเพื่อสังหารเขา รวมทั้งได้มีการคัดเลือกทีมล่าสังหาร ซึ่งคัดจากกลุ่ม จูนูดุล ฟิดา (Junudul Fida) ของกองกำลัง 313 (Brigade 313)
ทว่านั่นคือความคืบหน้าสุดท้ายของแผนการนี้ ภายหลังจากคณะผู้นำอัลกออิดะห์มีโอกาสแสดงความเห็นของพวกเขา
“มีกฎหมายชาริอะห์ (กฎหมายอิสลาม) ที่สามารถใช้อ้างอิงได้ว่าการฆ่าเขาเสียเป็นเรื่องที่ชอบธรรม ทว่าในเวลานั้นก็มี ฮิคมัต (hikmat ยุทธศาสตร์) ซึ่งการฆ่าเขาจะกลายเป็นการก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง” นักอุดมการณ์ผู้นี้บอก
“กองทัพปากีสถานคงจะเปิดสงครามเต็มรูปแบบในพื้นที่ชนเผ่า และเราก็คงจะตอบโต้ด้วยความเข้มแข็งพอๆ กัน จากการกระทำเช่นนั้น ปากีสถานก็จะกลายเป็นสมรภูมิ และพวกศัตรูอย่างอินเดียและสหรัฐฯ ก็จะมีโอกาสเข้ามาแทรกแซง ถึงแม้ตามเอกสารของเรา เราไม่ถือว่ามีปากีสถานดำรงอยู่ แต่แน่นอนว่าเราไม่ต้องการให้พวกศัตรูของอิสลามฉวยประโยชน์จากสถานการณ์ใดๆ”
สิ่งที่อัลกออิดะห์ให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกๆ ก็คือการใช้จุดโดดเด่นแยบคายทางธรรมชาติเป็นเครื่องขีดแบ่งอาณาเขตเพื่อต่อสู้ต้านทานกองกำลังทหารตำรวจของทางการ ความสำเร็จในเป้าหมายแรกเลยก็คือการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในพื้นที่ตามแนวเทือกเขาฮินดูกูฏ (Hindu Kush) ตั้งแต่หุบเขาเตระห์ (Terah Valley) ในเขตไคเบอร์ เอเยนซี (Khyber Agency) ขึ้นไปจนถึงเขตตุรบาน (Turban) ของแคว้นบาลูจิสถาน (Balochistan) ของปากีสถาน ซึ่งมีชายแดนติดกับอิหร่าน
สำหรับเป้าหมายจุดที่สอง ได้แก่การผลักดันกองกำลังทางการปากีสถานให้ถอยกลับไปอยู่หลังแม่น้ำสินธุ (Indus) ต้นกำเนิดของแม่น้ำสินธุนั้นอยู่ในทิเบต โดยตัวแม่น้ำถือว่าเริ่มต้นขึ้นตรงจุดบรรจบกันของแม่น้ำเสงเก (Sengge) และแม่น้ำการ์ (Gar) ซึ่งรับน้ำจากทิวเขางางลอง กังรี (Nganglong Kangri) และ กังดิส ชาน (Gangdise Shan) จากนั้นแม่น้ำสินธุก็ไหลไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ผ่าน ลาดัค (Ladakh) และ บัลติสตัน (Baltistan) เข้าสู่ กิลกิต (Gilgit) ซึ่งอยู่ประชิดทางใต้ของเทือกเขาคาราโครัม (Karakoram) มีแม่น้ำชะยอค (Shyok), ลำธารชิการ์ (Shigar) และลำธารกิลกิต (Gilgit) นำเอาน้ำจากธารน้ำแข็งไหลลงสู่ตัวแม่น้ำใหญ่ จากนั้นแม่น้ำสินธุก็เลี้ยวลงทางใต้ และออกมาจากเขตภูเขาตรงระหว่างเมืองเปชาวาร์ (Peshawar) กับเมืองราวัลปินดี (Rawalpindi) ในปากีสถาน
เป้าหมายที่สองนี้โดยสาระแล้วจึงหมายความว่า พวกหัวรุนแรงจะยินยอมให้รัฐสำแดงอำนาจได้จนกระทั่งถึงแคว้นปัญจาบ (Punjab) และแคว้นสินธุ์ (Sindh) แต่พวกเขาต้องการมีอำนาจควบคุมอย่างสมบูรณ์ในหลายๆ ส่วนของแคว้นพรมแดนตะวันตกเฉียงเหนือ และหลายๆ ส่วนของบาลูจิสถาน
นักอุดมการณ์ผู้นี้เน้นย้ำว่า อัลกออิดะห์ไม่ได้มีความประสงค์ที่จะแสดงความเป็นปรปักษ์ใดๆ ต่อรัฐปากีสถานหรือบรรดาสถาบันของรัฐปากีสถาน ข้อความในเรื่องนี้ทางคณะผู้นำอัลกออิดะห์ได้แจ้งให้ทราบกันแล้ว เมื่อพวกเขาพบปะหารือกับคณะผู้แทนระดับสูงของพวกตอลิบานในเขตชนเผ่าวาซิริสถานเหนือ (North Waziristan) ตรงบริเวณชายแดนติดต่อกับอัฟกานิถานเมื่อสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา
คณะผู้แทนดังกล่าวมี มุลลาห์ บราดาร์ (Mullah Bradar) เป็นหัวหน้า และเขาก็ได้นำเอาสารของ มุลลาห์ โอมาร์ (Mullah Omar) ผู้นำของตอลิบานมาแจ้งเช่นกัน โดยสารดังกล่าวระบุว่า อัลกออิดะห์ควรหลีกเลี่ยงการเป็นปรปักษ์กับพวกกองกำลังทหารตำรวจปากีสถาน คณะผู้แทนถึงขั้นเตือนอัลกออิดะห์แบบอ้อมๆ ว่า ถ้าไม่ยุติการเป็นปรักษ์กับปากีสถานและกับกองกำลังทหารตำรวจของปากีสถานแล้ว อัลกออิดะห์ก็จะถูกมองว่ากำลังสร้างความเสียหายให้แก่อุดมการณ์แห่งอิสลาม
ทางด้านอัลกออิดะห์ย้ำเน้นว่า วัตถุประสงค์ของตนคือการทำให้กองกำลังทหารตำรวจปากีสถานกลายเป็นกลางใน “สงครามต่อสู้การก่อการร้าย” จุดหมายโดยรวมเลยก็คือเพื่อชนะสงครามในอัฟกานิสถาน เพื่อบรรลุจุดหมายดังกล่าวนี้ อัลกออิดะห์จึงจะยังคงรบกับพวกกองกำลังทหารตำรวจในเขตสวัต
เหตุผลของเรื่องนี้ก็เข้าใจได้ง่ายๆ นั่นคือ อัลกออิดะห์วิตกว่ากองทัพปากีสถานที่ตกอยู่ใต้แรงบีบคั้นของสหรัฐฯ มีแผนการที่จะเคลื่อนเข้าสู่เขตวาซิริสถานเหนือ และวาซิริสถานใต้ อันเป็นพื้นที่ซึ่งอัลกออิดะห์และตอลิบาน ต่างมีทรัพยากรอันมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดกับการต่อสู้ของพวกเขาในอัฟกานิสถาน ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่จะตรึงกำลังทหารเอาไว้ในพื้นที่สวัต
ไซเอด ซาลีม ชาห์ซาด เป็นหัวหน้าสำนักงานปากีสถานของเอเชียไทมส์ออนไลน์ สามารถที่จะติดต่อกับเขาได้ทางอีเมล์ saleem_sharzad2002@yahoo.com