เอเจนซี - ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เบน เบอร์นันกี กล่าวเมื่อวันจันทร์ (11) ว่าการตรวจสอบความแข็งแกร่งของธนาคารใหญ่ 19 แห่งโดยรัฐบาลสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดูเหมือนจะช่วยให้ภาคการธนาคารได้รับเม็ดเงินจากภาคเอกชนมากขึ้น และเป็นองค์ประกอบสำคัญของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ระหว่างการประชุมสัมมนาซึ่งจุดขึ้นที่เกาะเจคกิล มลรัฐจอร์เจีย เบอร์นันกียังรับประกันว่า เงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯจะยังควบคุมอัตราเงินเฟ้อไว้ในระดับต่ำ โดยพร้อมขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อถึงเวลาที่จำเป็น
อย่างไรก็ตาม การกล่าวสุนทรพจน์ของเขาบนเกาะเจคกิลคราวนี้ เน้นหนักเกี่ยวกับความสำคัญของการประเมินสุขภาพของธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ทั้งนี้เกาะเจคกิลก็มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ นั่นคือเป็นสถานที่ซึ่งบรรดานายธนาคารชั้นนำของวอลล์สตรีทเข้าร่วมการประชุมลับ เพื่อก่อตั้งธนาคารกลางของสหรัฐฯที่มีระบบการทำงานสมัยใหม่เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน
"เครื่องบ่งชี้สถานการณ์เบื้องต้นบางตัวนั้นมีสัญญาณที่ดีขึ้นมาก" เบอร์นันกีกล่าวในการประชุมที่จัดโดยธนาคารกลางสหรัฐฯสาขาแอตแลนตา
"ธนาคารหลายแห่งเดินหน้าแสวงหาทางเลือกใหม่ ๆจากภาคเอกชนสำหรับการเพิ่มหุ้นสามัญของธนาคารแล้ว และอีกหลายแห่งก็ประกาศแผนออกหุ้นใหม่" เขาบอก
เบอร์นันกีชี้ว่าสัญญาณที่ดีอีกประการหนึ่งก็คือ ธนาคารหลายแห่งประกาศออกตราสารหนี้ระยะยาวที่ไม่ได้รับการประกันโดยบรรษัทประกันเงินฝากแห่งชาติ
แม้กระนั้น ประธานของเฟดก็ยังเตือนว่า น่าจะใช้เวลาอีกสักพักก่อนที่จะสามารถพูดได้ว่า ผลการตรวจสอบให้ผลดีในด้านการกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้กลับมา และทำให้มั่นใจว่าธนาคารจะได้รับเงินทุนจากภาคเอกชนมากขึ้น เบอร์นันกีกล่าวว่าผลของการตรวจสอบทำให้เห็นว่าธนาคารจะยังคงไม่สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในตอนนี้ และน่าจะอ่อนแอไปอีกสักพัก
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เฟดและหน่วยงานกำกับดูแลภาคการเงินการธนาคารอื่น ๆ ร่วมกันประกาศผลการตรวจสอบธนาคารยักษ์ใหญ่ 19 แห่งและสั่งให้ธนาคาร 10 แห่งเพิ่มทุน 74,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้หากเกิดวิกฤตรุนแรงขึ้นอีก
"เราหวังว่าในอีกสองหรือสามปีข้างหน้า เราจะสามารถฉายให้เห็นภาพว่า ระบบการธนาคารของเรากลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งลดการพึ่งพาเงินทุนจากรัฐบาลลงไปมาอย่างมาก" เขากล่าว
ในช่วงตอบคำถามหลังจากการสุนทรพจน์ เบอร์นันกีกล่าวว่าธนาคารกลางจะรับประกันความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยการทำให้แน่ใจว่าอัตราเงินเฟ้อไม่พุ่งสูงเกินไป
"ผมคิดว่าประเด็นตอนนี้ก็คือเงินดอลลาร์สหรัฐจะสามารถรักษาค่าของมันเอาไว้ได้หรือไม่ และผมเชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น ผมคิดว่าเงินดอลลาร์จะกลับมาแข็งแกร่ง เพราะว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง นอกจากนี้ก็จะแข็งแกร่งเพราะว่าธนาคารกลางสหรัฐฯให้คำมั่นว่าจะทำให้ประเทศมีเสถียรภาพทางด้านราคา"เขากล่าว
ก่อนหน้าเฟดได้ลดอัตราดอกเบี้ยมาจนใกล้ศูนย์ และอัดฉีดเม็ดเงินหลายแสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯเข้าไปในระบบการเงินของประเทศ เพื่อหล่อลื่นสภาพคล่องที่ชะงักงันไป จากความกลัวเรื่องการขาดทุนมหาศาลของธนาคาร
ในขณะที่เฟดลดอัตราดอกเบี้ยและปั๊มเงินเข้าสู่ภาคสินเชื่อ บวกกับการขาดดุลการคลังจำนวนมหาศาล ก็ทำให้มีความกังวลว่าว่าค่าเงินอาจจะอ่อนตัวลงไปอีก