รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา เตือนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (6) ว่า เหตุความรุนแรงในปากีสถาน และอัฟกานิสถาน จะลุกลามมากยิ่งขึ้น แต่กล่าวด้วยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ยังจะมุ่งมั่นปราบปรามเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ พร้อมกับจะหลีกเลี่ยงการเสียเลือดเสียเนื้อของพลเรือนในสองประเทศนี้
โอบามาเชิญประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน และปากีสถาน เข้าพบที่ทำเนียบขาว โดยสองผู้นำเอเชีย ซึ่งที่ผ่านมาเคยถูกรัฐบาลสหรัฐฯวิจารณ์อย่างหนัก ต่างยืนยันอีกครั้งถึงความมุ่งมั่นของแต่ละประเทศในการต่อสู้กับกลุ่มอัลกออิดะห์
อย่างไรก็ตาม การบาดเจ็บล้มตายของพลเรือนชาวอัฟกานิสถานจำนวนหลายสิบรายในสัปดาห์นี้ จากการโจมตีทางอากาศของกองทัพสหรัฐฯ ก็ส่งผลให้การประชุมในครั้งนี้มีบรรยากาศอึมครึม
“หนทางข้างหน้าจะยากลำบาก ความรุนแรงจะลุกลามมากยิ่งขึ้น และจะมีการเพลี่ยงพล้ำด้วย” โอบามา กล่าว โดยมีประธานาธิบดี ฮามิด คาร์ไซ ของอัฟกานิสถาน และ อาซิฟ อาลี ซาร์ดารี ผู้นำปากีสถานยืนขนาบข้าง
“แต่ผมขอชี้แจงว่า สหรัฐฯ มีความมุ่งมั่นอย่างยาวไกลในการกำราบกลุ่มอัลกออิดะห์ และรวมถึงการสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยของทั้งปากีสถานและอัฟกานิสถานด้วย โดยความมุ่งมั่นเหล่านั้นจะไม่ถูกล้มเลิก และการสนับสนุนจะดำเนินอย่างยั่งยืน"
ก่อนหน้านั้น หน่วยงานกาชาด เปิดเผยว่า พลเรือนชาวอัฟกานิสถานจำนวนหลายสิบคนถูกสังหารเสียชีวิต ระหว่างปฎิบัติการโจมตีทางอากาศ ซึ่งมีสหรัฐฯ เป็นแกนนำ ที่จังหวัดฟาราห์ ทางตะวันตกของอัฟกานิสถานเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นหลายคนกล่าวว่า พลเรือนน่าจะเสียชีวิตมากกว่า 100 ราย โดยหากมีการยืนยันตัวเลขดังกล่าว จะทำให้การโจมตีครั้งนี้มีพลเรือนต้องบาดเจ็บล้มตายมากที่สุดครั้งหนึ่ง นับตั้งแต่การโค่นล้มกลุ่มตอลิบาน เมื่อปี 2001
ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ฮิลลารี คลินตันกล่าวแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ดังกล่าว โดยไม่ได้บอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลสหรัฐฯ แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ผู้หนึ่ง ซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อบอกว่า การทิ้งระเบิดทางอากาศของสหรัฐฯในอัฟกานิสถาน อาจทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย
ที่ผ่านมา รัฐบาลของโอบามาเคยวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีคาร์ไซและซาร์ดารีอย่างเผ็ดร้อน โดยตั้งคำถามถึงความมุ่งมั่นและศักยภาพของผู้นำเอเชียทั้งสองในการรับมือกับภัยคุกคามจากกลุ่มอัลกออิดะห์และตอลิบาน
การบาดเจ็บล้มตายของพลเรือนจากปฎิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ในปากีสถานและอัฟกานิสถาน สร้างความไม่พอใจอย่างมากในหมู่พลเรือนของทั้งสองประเทศ และเป็นการยากยิ่งขึ้นสำหรับคาร์ไซและซาร์ดารีในการร่วมมือกับสหรัฐฯ
“เราเสียใจอย่างสุดซี้งต่อการสูญเสีย” คลินตัน กล่าวถึงการบาดเจ็บล้มตายของพลเรือน ระหว่างเริ่มหารือร่วมกับคาร์ไซและซาร์ดารี โดยรัฐมนตรีหญิงของสหรัฐฯ เรียกการประชุมครั้งนี้ในภายหลังว่า “ในบางแง่มุมแล้วก็เป็นการผ่าทางตัน” และบอกด้วยว่า เธอ “มีความคาดหวังที่ดีมากๆ” ว่า ขั้นตอนที่ดำเนินอยู่นี้จะสามารถสร้างความแตกต่าง
โอบามาประกาศยุทธศาสตร์ใหม่ในการต่อสู้กับเครือข่ายอัลกออิดะห์ในปากีสถานและอัฟกานิสถานเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยเสนอที่จะให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม และจะเพิ่มกำลังเสริมในอัฟกานิสถานมากกว่า 20,000 นายภายในปีนี้
“เราผลักดันจนสำเร็จ” ริชาร์ด โฮลบรูค ทูตพิเศษของสหรัฐฯ ประจำอัฟกานิสถานและปากีสถานบอกกับผู้สื่อข่าว ภายหลังจากโอบามากล่าวสุนทรพจน์สั้นๆ “เราได้ให้ความเป็นจริงทางกายภาพแก่แผนการทางยุทธศาสตร์นี้แล้ว”
ระหว่างการหารือร่วมกันของผู้นำทั้ง 3 ชาติในครั้งนี้ คาร์ไซ ซึ่งทางทำเนียบประธานาธิบดีของเขาได้ออกคำแถลงก่อนหน้านี้ ประณามการสูญเสียชีวิตของพลเรือนว่า "เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลและยอมรับไม่ได้"นั้น ได้กล่าวขอบคุณการแสดงความกังวลและความเสียใจของคลินตัน โดยบอกด้วยว่า เขาหวังว่า การบาดเจ็บล้มตายของพลเรือนจะสามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก
ด้าน ซาร์ดารี เรียกร้องให้สนับสนุนระบอบประชาธิปไตยที่เพิ่งผลิบานของปากีสถาน
“ประชาธิปไตยของเราต้องการการเอาใจใส่และการบำรุงรักษา” ซาร์ดารีกล่าว “ประชาธิปไตยของเราจะผลิดอกออกผล กลุ่มก่อการร้ายจะต้องปราชัยต่อการผนึกกำลังสู้ของเรา ผม และเพื่อนของเราประธานาธิบดีคาร์ไซและโอบามา จะยืนหยัดเคียงบ่าเคียงไหล่กัน พร้อมกับประชาคมโลก เพื่อต่อสู้กับมะเร็งร้ายและภัยคุกคามนี้”
ชาวปากีสถานจำนวนมากประณามสหรัฐฯ ฐานบ่อนทำลายประชาธิปไตยในประเทศเอเชียแห่งนี้ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ด้วยการสนับสนุนและทุ่มเงินเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับกองทัพปากีสถาน แต่ คลินตัน ยืนยันว่า สหรัฐฯให้การสนับสนุนอย่าง “แข็งแกร่งมากๆ” ต่อรัฐบาลประชาธิปไตยของปากีสถาน
คลินตัน เรียกร้องให้สหรัฐฯเข้าใจและอดทนกับซาร์ดารี ซึ่งเพิ่งรับตำแหน่งได้เพียง 8 เดือน
“ซาร์ดารีต้องรับทอดสถานการณ์ที่ยากบำลากและไม่สามารถจัดการได้” รัฐมนตรีหญิงกล่าว “ดิฉันคิดว่าในส่วนของเราจะต้องเพิ่มความเข้าให้มากขึ้นอีกนิดกับสิ่งที่ผู้นำปากีสถานกำลังเผชิญอยู่ คุณรู้ไหม เขานำทางประเทศอย่างประสบความสำเร็จทีเดียวท่ามกลางวิกฤตจริงๆ เหล่านี้”